
“สมช.-ศบ.ทก.” วอนเอกชน-พรรคการเมือง ปิดเว็บเผยพิกัดจุดเสี่ยง หลังสุรินทร์โดนกระสุน
“จิรายุ” ระบุ “สมช.-ศบ.ทก.” เรียกร้องภาคเอกชนและพรรคการเมือง งดเผยแพร่พิกัดศูนย์พักพิงและจุดเสี่ยงในพื้นที่ชายแดน หวั่นกระทบความปลอดภัยของพลเรือนในสถานการณ์ตึงเครียด หลังการปะทะยังดำเนินต่อเนื่อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (27 ก.ค.68) เวลา 9:00 น. นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้แสดงความกังวลและข้อห่วงใยในกรณีที่มีอาสาสมัครและภาคเอกชน รวมทั้งพรรคการเมือง ได้จัดทำแอปพลิเคชันพิเศษหรือการสร้างแฟนเพจ Facebook ขึ้นมา โดยระบุถึงพิกัดโรงพยาบาล สถานที่หลบภัย และแหล่งชุมชนต่าง ๆ ในขณะนี้ ซึ่งถือว่าเป็นเจตนาดี แต่ปรากฏว่าปัจจุบันสถานการณ์การปะทะตามแนวชายแดน กองทัพกัมพูชายังไม่ลดละในการก่ออาชญากรรมสงคราม ด้วยการเล็งเป้าหมายทางพลเรือนอย่างต่อเนื่อง
จึงขอความร่วมมือในช่วงเวลาล่อแหลมเช่นนี้ งดการสร้างในการเปิดเว็บไซต์รายงานสถานการณ์ที่กำหนดจุดโลเคชั่น โดยใช้ Google Maps และแอปพลิเคชันบอกแผนที่ต่าง ๆ ซึ่งในทางปฏิบัติทั้งกระทรวงมหาดไทยและส่วนราชการอื่น ๆ ได้ดำเนินการผ่านจังหวัด อำเภอ และตำบลแล้ว โดยเป็นการดำเนินการในลักษณะความลับ (ว.5) โดยให้ฝ่ายปกครอง องค์การปกครองท้องถิ่น ผู้ว่าราชการ นายอำเภอ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประสานตรง กับผู้นำชุมชน และประชาชนในพื้นที่ เพื่อไม่ให้ข่าวรั่วไปยังฝ่ายตรงข้ามได้

นายจิรายุ เปิดเผยอีกว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ เวลา 06:10 น. เจ้าหน้าที่รายงานพบกระสุนลูกยาว ขศ. ตกที่บ้านตาโส หมู่ 10 ต.บ้านพลวง อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
นายจิรายุ กล่าวต่อว่า ในส่วนของพรรคการเมือง รบกวนพรรคประชาชน ปิดเว็บนี้ก่อน วันนี้เข้าใจว่ามีความกังวลและเป็นห่วงพี่น้องประชาชน ซึ่งรัฐบาลได้ประสานงานในเชิงรับและดำเนินการอย่างต่อเนื่องตลอด 3 วัน ที่มีการประทะกันตามแนวชายแดนอยู่แล้ว โดยฝ่ายความมั่นคงจะไม่รายงานจุดที่ตั้งของศูนย์อพยพ หรือจุดอื่น ๆ ที่มีความล่อแหลม จึงขอความร่วมมือในช่วงที่ยังมีสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจปิดหรือยกเลิกเว็บไซต์ หรือแฟนเพจ หรือช่องทางต่าง ๆ ที่จะทำให้กองทัพกัมพูชาสามารถใช้ในการโจมตีพลเรือนของเราได้
นอกจากนี้ เมื่อเวลา 10:09 น. วันนี้ (27 ก.ค. 68) ศบ.ทก. ได้แสดงความห่วงใยต่อความปลอดภัยของประชาชนในช่วงที่สถานการณ์ชายแดนยังไม่เข้าสู่ภาวะปกติ โดยศบ.ทก. ได้แนะนำให้หน่วยงานของรัฐและเอกชนทุกแห่งยกระดับการรักษาความปลอดภัยทั้งทางกายภาพและทางไซเบอร์ เพื่อป้องกันการโจมตีที่ไม่คาดคิดในช่วงเวลานี้
ล่าสุด กระทรวงการต่างประเทศ ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับกรณีที่กองกำลังกัมพูชาใช้อาวุธร้ายแรงยิงใส่บ้านเรือนของประชาชนในดินแดนไทยที่จังหวัดสุรินทร์ เมื่อเช้าวันที่ 27 กรกฎาคม 2568
โดยระบุว่า ตามที่เกิดเหตุในช่วงเช้าประมาณ 4:30 น. กองกำลังกัมพูชาได้ยิงอาวุธร้ายแรงเข้าใส่บ้านเรือนของประชาชนในจังหวัดสุรินทร์ ทั้งนี้ยังมีการเผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนโดยกล่าวหาว่าฝ่ายไทยเป็นฝ่ายเปิดฉากยิงก่อน
ประเทศไทยขอประณามการกระทำดังกล่าวซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างรุนแรง และขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการโจมตีเป้าหมายพลเรือนทันที การยุติการสู้รบไม่อาจเกิดขึ้นได้ตราบใดที่กัมพูชายังคงขาดความสุจริตใจและละเมิดหลักสิทธิมนุษยชนและกฎหมายมนุษยธรรมอย่างต่อเนื่อง
ประเทศไทยขอสงวนสิทธิในการป้องกันตนเองตามข้อ 51 ของกฎบัตรสหประชาชาติ และจะดำเนินการตอบโต้เฉพาะเป้าหมายทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
“ประเทศไทยขอเรียกร้องให้ประชาคมระหว่างประเทศประณามการกระทำที่ไร้มนุษยธรรมและไม่สามารถยอมรับได้ของกัมพูชา ซึ่งขัดแย้งกับหลักนิติธรรมและกติกาของระเบียบโลก” กระทรวงการต่างประเทศ ระบุทิ้งท้าย
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2568 นายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้ออกมาแจ้งเตือนให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่เสี่ยงในช่วง 1-3 วันที่ผ่านมา โดยแนะนำให้หลีกเลี่ยงการอยู่ในพื้นที่ที่มีการรวมกลุ่มคนจำนวนมาก และควรหลีกเลี่ยงพื้นที่ในรัศมี 120 กิโลเมตรจากชายแดนไทย-กัมพูชา
ทั้งนี้ เนื่องจากฝ่ายกัมพูชาได้เคลื่อนย้ายระบบจรวด PHL-03 และ KS-1C ที่มีพิสัยยิงไกลถึง 120 กิโลเมตร มาประจำการในพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย
จุดที่ควรหลีกเลี่ยงในช่วงนี้ ได้แก่ ฐานที่ตั้งหน่วยทหาร โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ และชุมชนหนาแน่น หากจำเป็นต้องเดินทางไปในพื้นที่เสี่ยง ควรใช้เวลาในพื้นที่น้อยที่สุด และรีบเดินทางกลับที่พักโดยเร็ว โดยเฉพาะผู้ที่อาศัยอยู่ในอำเภอใกล้ชายแดน