“ดาวโจนส์” ร่วง 173 จุด จับตา “เฟด” ลดดอกเบี้ยต่อ หลัง GDP สหรัฐโตแรง 3.8% สร้างแรงกดดัน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบทั้งสามดัชนี หลังตัวเลข GDP ไตรมาส 2/2568 ถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 3.8% สูงกว่าคาด บวกกับผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานลดลงและยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนฟื้นตัว สะท้อนเศรษฐกิจยังคงสดใส กดดันความหวังที่เฟดจะเร่งลดดอกเบี้ย


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ก.ย.68) ปิดปรับตัวลงทั้งสามดัชนีหลัก หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งกว่าคาด ซึ่งเพิ่มแรงกดดันต่อแนวโน้มการผ่อนคลายนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ประกาศประมาณการครั้งที่ 3 ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 2/2568 ว่าขยายตัว 3.8% สูงกว่าประมาณการครั้งที่ 1 ที่ 3.0% และครั้งที่ 2 ที่ 3.3% โดยได้แรงหนุนจากการใช้จ่ายผู้บริโภคและการลงทุนภาคเอกชนที่ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 45,947.32 จุด ลดลง 173.96 จุด หรือ -0.38% ขณะที่ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,604.72 จุด ลดลง 33.25 จุด หรือ -0.50% และดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 22,384.70 จุด ลดลง 113.16 จุด หรือ -0.50%

นอกจากนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ รายงานว่า ผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 14,000 ราย สู่ระดับ 218,000 ราย ในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 20 กันยายน ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ที่ 235,000 ราย ขณะเดียวกัน ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนสิงหาคมปรับตัวขึ้น 2.9% ซึ่งเป็นการฟื้นตัวครั้งแรกในรอบ 3 เดือน สวนทางกับที่คาดว่าจะลดลง 0.3% หลังหดตัว 2.7% ในเดือนกรกฎาคม

ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจดังกล่าวมีขึ้นหลังจากเฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 17 กันยายน ซึ่งถือเป็นการลดดอกเบี้ยครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2567 พร้อมส่งสัญญาณในรายงาน Dot Plot ว่าอาจปรับลดอีก 2 ครั้งภายในปีนี้

อย่างไรก็ดี ข้อมูลจาก FedWatch ของ CME ชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 83.4% ต่อการคาดการณ์ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนตุลาคม ลดลงจาก 92% เมื่อวันพุธที่ผ่านมา

Back to top button