
“พิชัย” ย้ำ ครม. เคาะ “วิทัย” นั่งผู้ว่าแบงก์ชาติ หวังเร่งแก้หนี้ – ปัดตอบเหตุผลเลือก
“พิชัย” ยืนยัน ครม. เคาะ “วิทัย รัตนากร” นั่งผู้ว่า ธปท. คนใหม่ ย้ำทำงานคลัง-แบงก์ชาติ ยังคงใกล้ชิดต่อเนื่อง หวังช่วยขับเคลื่อนแก้หนี้ช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ พร้อมปัดตอบเหตุผลเลือก ชี้ให้ดูตลาดทุนเป็นตัวสะท้อน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (22 ก.ค. 68) เวลา 13:20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวยืนยันถึงมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ได้เห็นชอบแต่งตั้ง นายวิทัย รัตนากร ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่
นายพิชัย กล่าวว่า ที่ผ่านมากระทรวงการคลัง และ ธปท. ได้ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดมาอยู่แล้ว โดยทางปฏิบัติ มีการหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น รวมทั้งปัญหาต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การหาทางแก้ไขอย่างต่อเนื่อง และย้ำว่าไม่ว่าจะเป็นใครที่มาดำรงตำแหน่งนี้ก็จะยังคงทำงานในลักษณะเดียวกันนี้ต่อไป
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การทำงานร่วมกับนายวิทัย ซึ่งเคยมีประสบการณ์ร่วมกันจะทำให้การประสานนโยบายราบรื่นขึ้นหรือไม่นายพิชัย กล่าวตอบว่า “คงเหมือนกันแหละครับ ขอให้มีความเข้าใจทั้งสองภาพ ทั้งนโยบายคลัง นโยบายเงินและทำงานร่วมกัน โดยท่านเก่าผมก็ทำงานได้ ทำงานได้ดี ไม่มีอะไร”
สำหรับคำถามที่ว่า รัฐบาลต้องการเห็นผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ ขับเคลื่อนเรื่องใดในช่วงวิกฤติเศรษฐกิจ นายพิชัย ระบุว่า มีหลายเรื่อง แน่นอนว่าด้านสถาบันการเงิน เรื่องใหญ่ที่สุดก็คือเรื่องหนี้ ซึ่งเราคงต้องร่วมกันผลักดันและหาทางแก้ไข ส่วนการดำเนินนโยบายการเงินนั้นต้องคงความอิสระไว้ แต่ต้องทำให้สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วย
เมื่อถามถึงเรื่องเงินเฟ้อที่ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย นายพิชัย กล่าวว่า “ขอดูเหตุผลและข้อจำกัดก่อน”
เมื่อถูกถามถึงความรู้สึกโล่งใจ หลัง ครม. เห็นชอบตั้งผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ นายพิชัย ตอบว่า “ไม่มีอะไรหนักใจ ผมโล่งใจอยู่ตลอดเวลา”
อีกทั้งเมื่อถามถึงเหตุผลที่เลือกนายวิทัย เป็นผู้ว่าการ ธปท. คนใหม่ นายพิชัย หยุดคิดครู่ใหญ่ก่อนกล่าวตอบว่า “จริง ๆ ก็เหมาะสมหลายท่าน” เมื่อซักว่าแล้วทำไมถึงเลือกนายวิทัย นายพิชัย กล่าวตอบกลับว่า “ก็ดูเอาสิครับ ว่าตลาดตอบรับอย่างไร”
อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ที่กระทรวงการคลัง นายพิชัย ได้ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงเหตุผลที่เลือกนายวิทัย เป็นผู้ว่าการ ธปท. ว่า เนื่องจากมีประสบการณ์การทำงานที่หลากหลาย จึงเหมาะสมในภาวะเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหารุมเร้า ส่วนกรณีมีการตั้งข้อสังเกตว่านายวิทัยจะไปทำงานใน ธปท. ได้ยาก เพราะไม่ใช่คนในนั้น ส่วนตัวมองว่าการทำงาน ธปท. อยู่ภายใต้หลักการและเหตุผล ซึ่งคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร
นายพิชัย ยังยอมรับว่า 2 รายชื่อสุดท้าย มีดีทั้งคู่ เพียงแต่ว่าคนหนึ่งจะรู้เรื่องภายใน ธปท. ได้ดี คุณสมบัติเหมาะสมมาก ๆ ส่วนอีกคน มีความรู้ที่หลากหลาย แต่ปัจจุบันปัญหาของเศรษฐกิจไทยค่อนข้างเยอะ ปัญหาก็หลากหลาย

เปิดประวัติ “วิทัย รัตนากร” จาก CFO นกแอร์ สู่ผู้นำธนาคารกลาง
นายวิทัย รัตนากร อายุ 54 ปี เป็นบุตรชายของศาสตราจารย์พิเศษโสภณ รัตนากร อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและอดีตประธานศาลฎีกา ในยุครัฐบาล พล.อ. เปรม ติณสูลานนท์ และนางสิริลักษณ์ รัตนากร อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในช่วงปี 2525–2528 ซึ่งถือเป็นผู้บริหารหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ตลาดทุนไทย
ด้านการศึกษา นายวิทัยสำเร็จปริญญาตรีเศรษฐศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และจบการศึกษาระดับปริญญาโทถึงสามใบ ได้แก่ เศรษฐศาสตร์การเมือง และกฎหมายธุรกิจ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมถึงการเงินจาก Drexel University ประเทศสหรัฐอเมริกา
ประสบการณ์ทำงานของนายวิทัยเริ่มต้นในปี 2535 ที่ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ภัทร จำกัด จากนั้นย้ายไปทำงานที่ฝ่ายค้าเงิน (Treasury Department) ธนาคารกรุงเทพ และฝ่ายบริหารหนี้ของธนาคารเอเชีย ก่อนย้ายมาทำงานที่กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) ในตำแหน่งผู้อำนวยการอาวุโส ทำหน้าที่บริหารกองทุนอสังหาริมทรัพย์เป็นเวลา 3 ปี
ต่อมา ได้รับการทาบทามให้ดำรงตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน (CFO) ของบริษัท สายการบินนกแอร์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งในยุคของนายวิทัยสามารถพลิกฟื้นกิจการของนกแอร์จากที่ประสบปัญหาขาดทุนให้กลับมามีกำไรภายใน 2 ปี และนำหุ้นของบริษัทเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ในปี 2556
หลังจากนั้น นายวิทัยได้รับการแต่งตั้งเป็นรองผู้อำนวยการธนาคารออมสิน และได้รับการขอยืมตัวไปดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย (ไอแบงก์) ซึ่งประสบปัญหาขาดทุนต่อเนื่องถึง 5 ปี โดยภายใต้การบริหารของนายวิทัย ไอแบงก์สามารถกลับมามีกำไรได้อีกครั้งในปี 2560
ต่อมา เข้ารับการสรรหาเป็น เลขาธิการ กบข. ช่วงปี 2561–2563 และเมื่อมีตำแหน่ง ผู้อำนวยการธนาคารออมสินว่างลง นายวิทัยได้กลับมาสมัครและได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2563 จนถึงปัจจุบัน ก่อนจะเข้ารับการสรรหา เป็นผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย คนที่ 25
ในแวดวงอาชีพ นายวิทัยเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในบทบาทผู้อำนวยการธนาคารออมสิน พร้อมกันนี้ยังดำรงตำแหน่งสำคัญอื่น ๆ ในวงการเศรษฐกิจและการเงิน อาทิ นายกสมาคมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ประธานสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ และอุปนายกสมาคมเศรษฐศาสตร์ธรรมศาสตร์
นอกจากนี้ ยังดำรงตำแหน่งกรรมการและประธานกรรมการบริหารในบริษัทเอกชน เช่น ทิพยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน), ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท มีที่ มีเงิน จำกัด รวมถึงเป็นกรรมการฝ่ายนายจ้างในคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์
ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา ผลักดันให้ธนาคารออมสินก้าวสู่บทบาท “ธนาคารเพื่อสังคม” หรือ Social Bank อย่างแท้จริง โดยล่าสุดจากการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2568 ธนาคารออมสินระบุว่า สามารถสร้าง Social Impact หรือผลกระทบเชิงบวก ช่วยเหลือคนไทยกว่า 13 ล้านคน ครอบคลุม 18.8 ล้านบัญชี คิดเป็นเม็ดเงินรวมกว่า 1.4 ล้านล้านบาท และสร้างผลกำไรนำส่งรัฐแล้วกว่า 96,000 ล้านบาท
สำหรับมุมมองต่อเศรษฐกิจไทย นายวิทัย เคยแสดงความเห็นว่า เศรษฐกิจไทยปัจจุบันขาดความสมดุล โดยฝั่งสถาบันการเงินมีความแข็งแกร่งและมีกำไรสูง ขณะที่ภาคธุรกิจกลับต้องเผชิญปัญหาหนี้สิน การปิดกิจการ และหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้น สะท้อนถึงความเหลื่อมล้ำในระดับสูง โดยเขาเห็นว่าการแก้ปัญหาดังกล่าวจำเป็นต้องใช้มาตรการแบบแพ็กเกจที่มีความต่อเนื่องและครอบคลุมหลายด้าน ไม่สามารถพึ่งการลดดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวได้
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง :
ครม.เคาะเปรี้ยง! ตั้ง “วิทัย รัตนากร” นั่งเก้าอี้ผู้ว่าฯ แบงก์ชาติคนใหม่