รพ. 9 เครือเอกชน ผนึก 2 หมื่นร้านยา ปลดล็อกค่ายาแพง ลดภาระประชาชน

กรมการค้าภายใน ผนึกโรงพยาบาลเอกชนและร้านขายยา เปิดเผยราคายาอย่างโปร่งใส ลดภาระค่ารักษาพยาบาลและเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2568 นายวิทยากร มณีเนตร อธิบดีกรมการค้าภายใน เป็นประธานการประชุมเพื่อยกระดับการให้บริการและขอความร่วมมือจากเครือข่ายโรงพยาบาลทั่วประเทศ เปิดเผยรายละเอียดราคายาอย่างโปร่งใส และเพิ่มทางเลือกให้ประชาชนสามารถเลือกซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้ ย้ำสิทธิของประชาชนในการเข้าถึงบริการทางการแพทย์อย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

การประชุมจัดขึ้นตามนโยบายของรัฐบาลและนางศุภจี สุธรรมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่ขับเคลื่อนแนวทาง “Quick Big Win” เพื่อลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยกรมการค้าภายใน (DIT) ร่วมกับกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และสมาคมโรงพยาบาลเอกชน บูรณาการดำเนินโครงการดังกล่าว

อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า เดิมมีโรงพยาบาลเข้าร่วมโครงการเพียง 5 เครือ จากทั้งหมด 11 เครือ แต่ปัจจุบันเพิ่มเป็น 9 เครือ พร้อมโรงพยาบาลเอกชนรายอื่นรวมกว่า 300 แห่ง จากสมาชิกทั้งหมด 354 แห่ง อาทิ เครือ BDMS (ดุสิตเวชการ อาทิ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลพญาไท เป็นต้น), เครือโรงพยาบาลธนบุรี, เครือ BCH (กลุ่มโรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ และโรงพยาบาลการุญเวช), เครือบางปะกอก–ปิยะเวช, เครือรามคำแหง–วิภาราม, เครือ PCL (พริ๊นซิเพิล), เครือจุฬารัตน์, เครือนวมินทร์, และ เครือสินแพทย์ รวมถึง โรงพยาบาลหัวเฉียว โรงพยาบาลวิภาวดี และโรงพยาบาลบีแคร์ เข้าร่วมประชุมเพื่อเตรียมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ภายใต้โครงการ “สุขกายสบายกระเป๋า”

สำหรับความร่วมมือครั้งนี้ มุ่งลดภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยโรงพยาบาลจะเปิดเผยรายการยาและค่ายาในใบแจ้งค่าใช้จ่าย ใบแจ้งหนี้ หรือใบเสร็จรับเงินอย่างชัดเจน เพื่อให้ผู้ป่วยสามารถตรวจสอบและเปรียบเทียบราคาได้ พร้อมออกใบสั่งยาให้ผู้ป่วยนำไปซื้อยาภายนอกโรงพยาบาลได้

ทั้งนี้ DIT และ อย. จะประชุมร่วมในวันที่ 10 ตุลาคม 2568 เพื่อกำหนดคุณสมบัติและขึ้นทะเบียนร้านขายยาที่มีกว่า 20,000 แห่งทั่วประเทศ ก่อนเปิดตัว (Kick off) โครงการอย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 ตุลาคม 2568 โดยโรงพยาบาลและร้านขายยาที่เข้าร่วม จะมีป้ายประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบและใช้บริการได้ทั่วถึง

นอกจากนี้ ยังมีแผนขยายความร่วมมือไปยังคลินิกเอกชน และปรับโครงสร้างราคาต้นทุนยาให้เหมาะสมและเป็นธรรม เพื่อเพิ่มโอกาสให้ประชาชนเข้าถึงบริการในโรงพยาบาลเอกชนมากขึ้น พร้อมลดความแออัดของโรงพยาบาลรัฐในภาพรวม

อธิบดีกรมการค้าภายใน ย้ำว่า โครงการนี้มุ่งเน้นให้ประชาชนได้รับสิทธิการรักษาที่เหมาะสม โปร่งใส และมีทางเลือกในการซื้อยาได้อย่างอิสระ ทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่พำนักในประเทศ ถือเป็นก้าวสำคัญของความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนในการยกระดับคุณภาพบริการด้านสุขภาพของไทย

Back to top button