สธ. นัดถก 13 พ.ย. เคลียร์ “พ.ร.บ.เหล้า” หลัง “นายก” จี้คลี่คลายปมเวลาขาย

นายกฯ “อนุทิน” มอบหมาย รมว.สาธารณสุข เร่งหาทางออก กฎหมายแอลกอฮอล์ฉบับใหม่ หลัง “เวลาขาย” สร้างความสับสนต่อผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยว บ่าย 2–5 โมงเย็นขายได้หรือไม่ คาดชัดเจนก่อนต้นเดือนธันวาคมนี้


ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า วันนี้ (12 พ.ย.68) กลุ่มผู้ประกอบการภาคธุรกิจหลายสมาคม อาทิ สมาคมธุรกิจถนนข้าวสาร สมาคมธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไทย และสมาคมการค้าผู้ประกอบธุรกิจคราฟท์เบียร์ เข้ายื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งทบทวนและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ กรอบเวลาจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ตามพระราชบัญญัติ (...) ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ (ฉบับที่ 2) ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2568 นายกรัฐมนตรีได้สอบถาม นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ถึงเนื้อหาของพ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งแม้ในกฎหมายฉบับใหม่จะไม่ระบุชัดเจนเรื่องเวลาห้ามจำหน่ายสุรา แต่ได้อ้างอิงไปยังประกาศสำนักนายกรัฐมนตรีแนบท้าย ที่ลงนามเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 2568

โดยประกาศดังกล่าว ยังคงกำหนดช่วงเวลาการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไว้ที่ 11:00–14.00 . และ 17:00–24:00 . ยกเว้นใน 3 กรณี ได้แก่ 1. การขายในอาคารที่ให้บริการแก่ผู้โดยสารในสนามบินระหว่างประเทศ 2. การขายในสถานบริการ ตามเวลาที่กฎหมายว่าด้วยสถานบริการกำหนด และ 3. การขายในโรงแรม ตามกฎหมายว่าด้วยโรงแรม

ทั้งนี้ การคงกรอบเวลาดังกล่าวทำให้ ร้านอาหารและร้านค้าทั่วไปไม่สามารถขายหรือนั่งดื่มได้ในช่วงเวลา 14:00–17:00 . ซึ่งสร้างความสับสนแก่ผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่คุ้นชินกับข้อจำกัดนี้

“…หมายความว่า จากประกาศฯ จะทำให้ร้านอาคารทั่วไป ไม่สามารถจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่สามารถนั่งดื่มได้ ในเวลาบ่ายสอง ถึงห้าโมงเย็น ซึ่งทำให้เกิดความสับสน โดยเฉพาะกับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อาจไม่คุ้นชินกับกฎระเบียบนี้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว

นายสิริพงศ์ ระบุเพิ่มเติมว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งกำกับดูแล คณะกรรมการนโยบายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ได้รายงานนายกรัฐมนตรีว่า คณะกรรมการฯ จะแก้ปัญหานี้โดยเร็วที่สุด โดยจะมีประชุมในวันที่ 13 พฤศจิกายนนี้ และถ้านับไปอีก 15 วัน ประกาศจะมีผลบังคับใช้ ก็น่าจะได้รับความชัดเจน ภายในวันที่ 4 ธันวาคม 2568

เท่าที่ฟังมา ก็น่าจะเป็นแนวทางซึ่งแก้ปัญหาที่พ่อแม่พี่น้องประชาชนได้เรียกร้องเข้ามา แต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไรต้องรอดูเพิ่มเติม โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวทิ้งท้าย

Back to top button