
“อนุสรณ์” ถอด 5 ฉากทัศน์ “ภาษีทรัมป์” ชี้ความไม่แน่นอน กดดันไทย–เสี่ยงส่งออก
นักวิชาการเศรษฐศาสตร์ “อนุสรณ์ ธรรมใจ” ประเมินความเสี่ยงจากคำตัดสินศาลสูงสหรัฐฯ ต่อมาตรการภาษีทรัมป์ ซึ่งคาดว่าจะรู้ผลก่อนเดือนมิถุนายนปีหน้า ชี้สถานการณ์ยังเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนต่อการค้าโลก ขณะไทยเผชิญแรงกดดันจากปมความมั่นคงภูมิรัฐศาสตร์ เสี่ยงกระทบภาคส่งออกและเศรษฐกิจ
รศ.ดร.อนุสรณ์ ธรรมใจ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเศรษฐกิจดิจิทัล การลงทุนและการค้าระหว่างประเทศ (DEIIT) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ศาลสูงสหรัฐอเมริกา กำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาว่า รัฐบาลนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใช้อำนาจตามกฎหมาย IEEPA (International Emergency Economic Powers Act) ในการเก็บภาษีนำเข้าเกินกว่าที่กฎหมายให้อำนาจหรือไม่ โดยคำตัดสินคาดว่า จะออกมาก่อนเดือนมิถุนายนปี 2569 ส่งผลให้ภาวะการค้าโลกและธุรกิจระหว่างประเทศยังอยู่ในภาวะไม่แน่นอน ผู้ส่งออกในหลายประเทศรวมถึงผู้นำเข้าของสหรัฐฯ ยังคงต้องเสียภาษีตามอัตราเดิมไปก่อนจนกว่าศาลจะชี้ขาด
ฉากทัศน์แรก ศาลสูงตัดสินว่า ภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมาย สถานการณ์การค้าโลกดีขึ้น สงครามการค้าเบาลง ตลาดการเงินตอบสนองทางบวก สหรัฐฯขาดดุลงบประมาณเพิ่ม ขาดดุลการค้าเพิ่ม ดอลลาร์อ่อนค่า
ฉากทัศน์ที่สอง ศาลสูงตัดสินว่า ภาษีทรัมป์ทำเกินอำนาจของกฎหมาย โดยรัฐบาลทรัมป์หาช่องทางอื่น ๆ ทางกฎหมายในการเก็บภาษีนำเข้าแทน ผลกระทบต่อการค้าโลกและตลาดการเงินยังไม่ชัดเจน
ฉากทัศน์ที่สาม ศาลสูงตัดสินว่า ภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างเต็มที่ ความเสี่ยงและความไม่แน่นอนต่อระบบการค้าโลกและตลาดการเงินโลกดำรงอยู่ต่อไปอีก 3 ปี ตลาดการเงินและนักลงทุนอาจตื่นตระหนก ตลาดหุ้นอาจปรับฐานลงแรงได้
ฉากทัศน์ที่สี่ ศาลสูงตัดสินว่า ภาษีทรัมป์สามารถดำเนินการได้อย่างมีเงื่อนไข ความตึงเครียดทางการค้าอาจคลายตัวลงระดับหนึ่ง และต้องประเมินว่าเงื่อนไขต่าง ๆ จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการค้าแตกต่างไปจากข้อตกลงภาษีเดิมอย่างไรบ้าง
ฉากทัศน์ที่ห้า ศาลสูงตัดสินว่าภาษีทรัมป์ไม่สามารถดำเนินการได้ และให้คืนภาษีให้กับผู้เสียนำเข้าก่อนหน้านี้ในทันที กระทบต่อค่าเงินดอลลาร์แรง เกิดปัญหาการบริหารงบประมาณของรัฐ
รศ.ดร.อนุสรณ์ อธิบายว่า ก่อนหน้านี้ศาลอุทธรณ์กลางสหรัฐฯ ได้วินิจฉัยว่า คำสั่งขึ้นภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ถือเป็นการใช้อำนาจเกินขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจไว้ และขัดหลักการแบ่งแยกอำนาจระหว่างฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ หากศาลสูงสุดมีคำพิพากษายืนตามคำวินิจฉัยดังกล่าว คำสั่งตั้งกำแพงภาษีตอบโต้ทางการค้าต่อสินค้านำเข้าจากหลายประเทศจะถูกยกเลิกทั้งหมด
สำหรับผลกระทบหากมาตรการตาม IEEPA ปี 1977 ถูกยกเลิกทั้งหมด ผู้นำเข้าที่เคยเสียภาษีสามารถเรียกคืนเงินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ได้ มาตรการกีดกันการค้าของสหรัฐฯ จะผ่อนคลายลง ซึ่งจะเป็นผลดีต่ออัตราขยายตัวของเศรษฐกิจโลก การค้าโลก รวมถึงภาคส่งออกของไทย อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังยืนยันเดินหน้านโยบายการกีดกันการค้าโดยใช้กฎหมายอื่น ซึ่งเพิ่มความไม่แน่นอนต่อการเจรจาการค้าและภาษีระหว่างประเทศ
รศ.ดร.อนุสรณ์ คาดการณ์ด้วยว่า แม้กำแพงภาษีบางส่วนอาจถูกยกเลิก แต่รัฐบาลทรัมป์มีแนวโน้มเดินหน้ามาตรการกีดกันการค้าผ่านกระบวนการรัฐสภาเพื่อแก้ปัญหาดุลการค้า แต่อัตราภาษีอาจไม่สูงเท่าเดิม และกระบวนการมีแนวโน้มล่าช้าขึ้นจากความเป็นไปได้ที่พรรครีพับลิกันอาจแพ้เลือกตั้งกลางเทอม นอกจากนี้ความพยายามเปลี่ยนระบบการค้าโลกจาก Rule-based เป็น Deal-based อาจเผชิญอุปสรรคเพิ่ม ขณะที่กลไกการถ่วงดุลจากศาลต่อฝ่ายบริหารอาจช่วยชะลอภาวะแตกขั้วของโลกาภิวัตน์
ความขัดแย้งไทย–กัมพูชากดดันไทยเพิ่ม
รศ.ดร.อนุสรณ์ ยังระบุว่า สถานการณ์ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาที่ปะทุจากการไม่ปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพของกัมพูชาและการลอบวางทุ่นระเบิดใหม่ ส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องระงับข้อตกลงด้านสันติภาพ และถูกสหรัฐฯ ใช้การเจรจาการค้าไทย–สหรัฐฯ เป็นเครื่องมือกดดันเพิ่มเติม สร้างความเสี่ยงต่อภาคส่งออกและเพิ่มความไม่แน่นอนต่อเศรษฐกิจไทย หากความตึงเครียดยกระดับเป็นความรุนแรงหรือสงครามชายแดน จะสร้างความเสียหายต่อชีวิต ทรัพย์สิน และกิจกรรมเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
รศ.ดร.อนุสรณ์ เห็นว่า การแก้ไขสถานการณ์ควรยึดแนวทางการทูตและการเมืองเป็นหลัก มากกว่าการระงับปฏิญญา เนื่องจากปฏิญญาดังกล่าวมีบทบาทสำคัญต่อการแก้ปัญหาอาชญากรรมไซเบอร์และขบวนการสแกมเมอร์ในกัมพูชา ซึ่งเป็นภัยต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจไทย
ในด้านการลงทุน รศ.ดร.อนุสรณ์ ระบุว่า การลงทุนของกลุ่มทุนไทยในกัมพูชาหดตัวลงอย่างชัดเจน การค้าชายแดนหยุดชะงัก ขณะที่ FDI โลกหดตัวต่อเนื่องสองปีจากความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า แต่ FDI ในอาเซียนยังขยายตัวเป็นบวกกว่า 2.25 แสนล้านดอลลาร์ เพราะภูมิภาคยังถูกมองว่ามีเสถียรภาพสูงกว่าเมื่อเทียบกับภูมิภาคอื่น หากความขัดแย้งไทย–กัมพูชายืดเยื้อ ปัจจัยบวกนี้อาจลดลง
นอกจากนี้ FDI โลกยังมุ่งสู่อุตสาหกรรมอนาคต เช่น โครงสร้างพื้นฐานปัญญาประดิษฐ์ ศูนย์ข้อมูล เซมิคอนดักเตอร์ รถยนต์ไฟฟ้า และพลังงานสะอาด ซึ่งแม้ต้องใช้เงินลงทุนสูงและเทคโนโลยีเข้มข้น แต่กลับมีการจ้างงานน้อย ส่งผลให้แรงงานไทยรุ่นใหม่เผชิญภาวะว่างงานเพิ่มขึ้น

