SETบ่ายรีบาวน์ทางเทคนิคกูรูแนะ 3 กลุ่มน่าเข้าลงทุน

SETบ่ายรีบาวน์ทางเทคนิคมองการปรับลดลงของ SET จากการ "ปรับพอร์ต" ของนักลงทุนทั่วโลก เป็นโอกาสในการ "ซื้อ" 1) กลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับการบริโภค+การลงทุน ภายในประเทศ 2) กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ และ 3) กลุ่มหุ้นที่มีโอกาสได้กำไรค่าเงินเนื่องจากมีสัดส่วนหนี้เป็นเงินยูโร (เงินยูโรอ่อนค่า ทำให้จ่ายหนี้ลดลง)


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (27 มิ.ย.) รีบาวน์ทางเทคนิคสวนตลาดภูมิภาค ที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ โดยตลาดยังคงรอติดตามการแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาไทย เกี่ยวกับนโยบายรับมือผลกระทบและความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้น หลังจากที่สหราชอาณาจักรได้ตัดสินใจออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ขณะที่บ่ายนี้ตลาดฯยังมีแนวโน้มอ่อนตัวลง เนื่องจากปัจจัยภายนอกยังคงกดดัน ประกอบกับราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลงด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,405 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420 จุด

 

นายเกียรติก้อง เดโช นักกลยุทธ์ บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้น ต่างจากตลาดภูมิภาคที่ปรับตัวลดลง โดยมองว่าการปรับตัวขึ้นเป็นเพียงการรีบาวน์ทางเทคนิคเท่านั้น โดยประเทศไทยยังคงได้รับผลกระทบทางอ้อมจากกรณี Brexit ที่อังกฤษลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกในสหภาพยุโรป (อียู) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความผันผวนของตลาดเงิน ตลาดทุน รวมไปถึงอัตราแลกเปลี่ยน

แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามการแถลงของรัฐมนตรีกระทรวงการคลังของอังกฤษ เกี่ยวกับนโยบายรับมือผลกระทบและความผันผวนของตลาดที่เกิดขึ้น ที่จะมีขึ้นในช่วงบ่ายวันนี้ตามเวลาไทย

“ปัจจุบันในประเทศเองยังไม่ได้มีปัจจัยอะไรใหม่ ๆ เข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ไปจับตาประเด็นในต่างประเทศมากกว่าหลังจากที่อังกฤษลงประชามติให้ออกจากอัยู อย่างไรก็ตามผลต่อเศรษฐกิจไทยโดยตรงเลยคงไม่มีจะมีผลก็ทางอ้อมมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นตลาดเงิน ตลาดทุน อัตราแลกเปลี่ยน”นายเกียรติก้อง กล่าว

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีแนวโน้มที่จะอ่อนตัวลงอยู่ เนื่องจากยังได้รับผลกระทบจากปัจจัยภายนอก ประกอบกับราคาน้ำมันก็อ่อนตัวลงด้วย โดยเชื่อตลาดฯจะยังคงได้รับแรงกดดันจากแรงขายของกลุ่มกองทุน และพอร์ตโบรกเกอร์ ออกมาอีกพร้อมให้แนวรับ 1,400-1,405 จุด ส่วนแนวต้าน 1,420 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (27 มิ.ย.) ว่า  SET ฟื้นตัวหลังปรับลดลงแรงเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน มองผลกระทบจาก Brexit ต่อเศรษฐกิจไทย และผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนจำกัด ทำให้มองการปรับลดลงของ SET จากการ “ปรับพอร์ต” ของนักลงทุนทั่วโลก เป็นโอกาสในการ “ซื้อ” 1) กลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับการบริโภค+การลงทุน ภายในประเทศ 2) กลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ และ 3) กลุ่มหุ้นที่มีโอกาสได้กำไรค่าเงินเนื่องจากมีสัดส่วนหนี้เป็นเงินยูโร (เงินยูโรอ่อนค่า ทำให้จ่ายหนี้ลดลง) 

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

PTT     มูลค่าการซื้อขาย 983.20 ล้านบาท ปิดที่ 308.00 บาท ไม่มีการเปลี่ยนแปลง

PTTEP   มูลค่าการซื้อขาย 918.17 ล้านบาท ปิดที่ 79.50 บาท ลดลง 0.25 บาท

THAI    มูลค่าการซื้อขาย 848.44 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.65 บาท

CPALL   มูลค่าการซื้อขาย 760.15 ล้านบาท ปิดที่ 48.50 บาท ลดลง 0.50 บาท

BANPU   มูลค่าการซื้อขาย 733.23 ล้านบาท ปิดที่ 14.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

 

Back to top button