คัด 13 หุ้นรับผลดีดอกเบี้ยต่ำ-แกร่งกว่าตลาดฯSETบ่ายฟื้นตัวต่อหลังคุมเรื่อง Downside ได้ดี

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้จะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด โดยให้แนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430-1,440 จุด โดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ รวมไปถึงกลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับการบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวม อย่างกลุ่มค้าปลีก กลุ่ม Asset Funds และกลุ่ม Leasing ทั้งนี้แนะนำ "ซื้อ" DIF JASIF BTSGIF CPNRF THANI KTC KKP CPN ROBINS BEAUTY รวมไปถึง "เก็งกำไร" KAMART CPALL BJC ต่อเนื่อง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (28 มิ.ย.)เคลื่อนไหวแดนบวกในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด จากความกังวลเกี่ยวกับกรณี Brexit ที่ยังคงมีอยู่ และนักลงทุนยังคงติดตามสถานการณ์ต่อไปที่จะเกิดขึ้นในสหภาพยุโรป (อียู) ช่วงบ่ายนี้ตลาดฯจะยังคงเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบค่อนข้างจำกัดเช่นเดิม โดยให้แนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430-1,440 จุด

 

น.ส.ธีรดา ชาญยิ่งยงค์ ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ดัชนีหุ้นไทยในภาคเช้าเคลื่อนไหวในแดนบวก โดยการปรับขึ้นในครั้งนี้อยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับกรณี Brexit ที่อังกฤษลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกในอียูนั้น ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง และนักลงทุนก็ยังติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับสถานการณ์ในอียูว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป

สำหรับการทำราคาปิดสิ้นงวดบัญชี (Window Dressing) ที่หลาย ๆ ฝ่ายคาดว่าจะเข้ามาช่วยหนุนนั้นมองว่าส่วนใหญ่แล้วที่เกิดขึ้นมาก ๆ จะเป็นช่วงไตรมาส 4 มากกว่า และการที่จะไล่ราคาขึ้นไปนั้นอาจจะยังไม่เหมาะสมเพราะยังมีความเสี่ยงเกี่ยวกับสถานการณ์ในอียู

ตอนนี้ปัจจัยใหญ่ ๆ คงหนีไม่พ้นเรื่องของ Brexit ซึ่งตลาดหุ้นไทยก็ได้รับการตอบรับไปพอสมควรแล้ว และดัชนีก็สามารถควบคุมเรื่องของ Downside ได้ค่อนข้างดี ซึ่งเราก็ยังแนะนำให้เทรดได้หากดัชนีไม่ต่ำกว่า 1,400 จุด และให้ตัดขาดทุนหากหลุดระดับ 1,395 จุด แต่อย่างไรก็ตามหากปรับตัวขึ้นไปอีกความผันผวนก็จะสูงขึ้นตามเช่นกัน”น.ส.ธีรดา กล่าว

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้จะยังเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบที่ค่อนข้างจำกัด โดยให้แนวรับ 1,420 จุด ส่วนแนวต้าน 1,430-1,440 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (28 มิ.ย.) ว่า SET ปรับสูงขึ้นต่อเนื่องจากเมื่อวานนี้ โดยกลุ่มหุ้นที่ได้รับผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ รวมไปถึงกลุ่มหุ้นที่มีรายได้อิงกับการบริโภคภายในประเทศมีแนวโน้มแข็งแกร่งกว่าตลาดโดยรวม อย่างกลุ่มค้าปลีก กลุ่ม Asset Funds และกลุ่ม Leasing ทั้งนี้แนะนำ “ซื้อ” DIF JASIF BTSGIF CPNRF THANI KTC KKP CPN ROBINS BEAUTY รวมไปถึง “เก็งกำไร” KAMART CPALL BJC ต่อเนื่อง

ด้านกลุ่มสื่อเป็น Consumption Plays ที่ราคาหุ้นยัง Laggard ตลาด และกลุ่มค้าปลีกอยู่มากตั้งแต่ต้นปี โดยถ้าพิจารณาจากดัชนีหุ้นกลุ่มค้าปลีก +20.8% ตั้งแต่ต้นปี ขณะที่กลุ่มสื่อฯ ให้ผลตอบแทน -3.4% ทั้งๆ ที่ถ้าพิจารณาจากแนวโน้มการเติบโตกำไรปี 59 คาดการณ์กำไรกลุ่มค้าปลีกเติบโต +15% ปีนี้ ขณะที่กลุ่มสื่อเติบโตสูง +27% ปีนี้

ระยะสั้นแนะนำ “เก็งกำไร” RS ด้วยเป้าหมายระยะสั้นที่ 12.0 บาท จาก 1) แม้ผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 อาจออกมาขาดทุนจากการเปิดตัวสินค้าสุขภาพ-ความงาม แต่จะเป็นจุดต่ำสุดของปี 2) ธุรกิจสื่อฯ จะฟื้นตัวตามการบริโภคที่ดีขึ้น 3) เทียบ BEAUTY และ KAMART ที่ทำธุรกิจความงาม ราคาหุ้นปรับสูงขึ้น 32-50% ในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา ขณะที่ RS -12% ในระยะเวลาเดียวกัน ทำให้มีโอกาสเป็น Catch-Up Plays และ 4) ทางเทคนิคทะลุแนวต้านระยะสั้น พร้อมสัญญาณ “ซื้อ” ใน MACD เป้าหมายระยะสั้น 12 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 1,383.56 ล้านบาท ปิดที่ 157.50 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง

SCB     มูลค่าการซื้อขาย   741.45 ล้านบาท ปิดที่ 134.50 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

BANPU   มูลค่าการซื้อขาย   690.77 ล้านบาท ปิดที่ 14.70 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

IVL     มูลค่าการซื้อขาย   661.44 ล้านบาท ปิดที่ 29.25 บาท ลดลง 1.00 บาท

CPF     มูลค่าการซื้อขาย   636.95 ล้านบาท ปิดที่ 28.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.75 บาท

Back to top button