SETบ่ายไปต่อ-ปัจจัยในปท.หนุนชู 3 ปััจจัยเด่นหนุน 13 หุ้นน่าเก็บ

SETแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ดัชนีฯน่าจะแกว่งตัวทั้งขึ้น-ลง โดยนักลงทุนยังคงเน้นหุ้นกำไรดี พร้อมให้แนวรับ 1,443 จุด ส่วนแนวต้าน 1,460 จุด ชู 3 ปััจจัยเด่นหนุน 13 หุ้นน่าเก็บ


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (4 ก.ค.) ปรับตัวขึ้นตามภูมิภาคขานรับกระแสเงินทุนไหลเข้าเอเชียหลังฝั่งตะวันตกผ่อนคลายนโยบายทางการเงินจากผลBrexit ขณะที่เศรษฐกิจฝั่งเอเชียฟื้นตัวดี-Downside ต่ำ ด้านปัจจัยในประเทศยังหนุนหลังสถานกาณ์ค้ามนุษย์ไทยได้รับการปรับสถานะขึ้นเป็นเทียร์ 2 และรถไฟฟ้าหลายสายคืบหน้า บ่ายคาดดัชนีฯแกว่งตัวให้แนวรับ 1,443 ถัดไป 1,448-1,445 แนวต้าน 1,457-1,460 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.เคที ซีมิโก้ เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาค โดยมีปัจจัยหนุนจากหุ้นกลุ่มแบงก์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ขณะเดียวกันนักลงทุนส่วนใหญ่เน้นลักษณะการเข้าซื้อหุ้นที่มีผลกำไรดี ซึ่งตามสถิติเดิมเป็นหุ้นกลุ่มมีเดีย, Health Care และ แบงก์ เป็นต้น

ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ ดัชนีฯน่าจะแกว่งตัวทั้งขึ้น-ลง โดยนักลงทุนยังคงเน้นหุ้นกำไรดี พร้อมให้แนวรับ 1,443 จุด ส่วนแนวต้าน 1,460 จุด

 

ด้านนายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ปรับตัวขึ้นตามตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้บวกเฉลี่ยราว 0.6% จากกระแสเงินทุนไหลเข้าเอเชียอย่างต่อเนื่อง ตอบรับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของทางฝั่งตะวันตกอันเป็นผลจาก Brexit ซึ่งจะทำให้ทางฝั่งสหรัฐฯเลื่อนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยออกไป รวมไปถึงมีการปรับลดคาดกาณณ์ตัวเลข GDP ของประเทศทางฝั่งตะวันตกลงด้วย ขณะที่เศรษฐกิจทางฝั่งเอเชียยิ่งฟื้นตัวดีอย่างต่อเนื่อง และยังมี Downside ต่ำ เม็ดเงินจึงไหลเข้าเอเชียมากขึ้น

นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราก็ได้แรงหนุนจากปัจจัยในประเทศด้วย จากการค้าต่างประเทศที่น่าจะดีขึ้นภายหลังจากที่สถานการณ์การค้ามนุษย์ของไทยได้รับการปรับสถานะขึ้นมาเป็นเทียร์ 2 (Tier 2 Watch List) จากสหรัฐ และยังมีความชัดเจนในการเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม, สีชมพู และสีเหลืองด้วย

ส่วนนายกรภัทร ดัชนีฯคงจะแกว่งในเชิงบวก พร้อมให้แนวรับ 1,448-1,445 จุด ส่วนแนวต้าน 1,457-1,460 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์(4 ก.ค.) ว่า SET ปรับสูงขึ้นผ่านแนวต้านที่ 1,450 จุด ตั้งแต่เปิดตลาด จากแรงซื้อในหุ้นกลุ่มธนาคาร และ CPALL ที่ปรับตัวขึ้นโดดเด่น ภาพ SET ระยะสัปดาห์คาดว่าจะปรับสูงขึ้นในรูปแบบ Sideways Up ขึ้นไปตามกรอบที่ 1,472-1,475 จุด…แนะนำ “ซื้อ” 1) Consumption + Infrastructure Plays อย่าง CK, ROBINS, CPN, BEAUTY, SEAFCO และ “เก็งกำไร” CPALL RS       2) ผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ อย่าง JASIF, DIF, CPNRF, KKP, THANI, KTC และ 3) คาดการณ์กำไรไตรมาส 2/59 เติบโตเด่น อย่าง CPF

แนะนำ “ซื้อ” CPF ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 33 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) สหรัฐฯ ปรับระดับค้ามนุษย์จาก Tier 3 เป็น Tier 2 watch list 2) กำไรไตรมาส 2/59 จะฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการเพิ่มขึ้นของราคาหมู ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ไตรมาส 4/57 และน่าจะทรงตัวในระดับสูงเนื่องจากวงจรการเลี้ยงหมูยาวนานกว่า 9 เดือน 3) ธุรกิจกุ้งเริ่มฟื้นตัวจากผลผลิตที่เพิ่มขึ้นหลังปัญหา EMS 4)ราคาหุ้นปัจจุบันยังซื้อขายที่ PEG ต่ำเพียง 0.4 เท่า…ให้ Yield สูง 4% และ 5) ในทางเทคนิคทะลุกรอบการพักฐานขาขึ้น Bullish Flag แนวต้านที่จุดสูงสุดก่อนหน้า 30.25 บาทและถัดไปที่ 34 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

ALT   มูลค่าการซื้อขาย 2,337.75 ล้านบาท ปิดที่   8.05 บาท เพิ่มขึ้น 3.35 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 2,132.68 ล้านบาท ปิดที่ 176.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.50 บาท

SCB   มูลค่าการซื้อขาย 1,759.99 ล้านบาท ปิดที่ 144.00 บาท เพิ่มขึ้น 5.00 บาท

BBL   มูลค่าการซื้อขาย 1,088.66 ล้านบาท ปิดที่ 164.50 บาท เพิ่มขึ้น 6.00 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย   843.92 ล้านบาท ปิดที่  15.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

Back to top button