SETบ่ายแกว่งแคบ 1,450-1,460โบรกฯแนะเก็บ IRPC ชู 4 ปัจจัยเด่น

SETช่วงบ่ายนี้ดัชนีฯน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,450-1,460 จุด โบรกฯแนะเก็บIRPC ชู 4 ปัจจัยเด่น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (5 ก.ค.) เคลื่อนไหวอยู่ในกรอบแคบ ขณะที่ Preview งบการเงินกลุ่มแบงก์ของไทยในไตรมาส 2/59 ดีขึ้น แต่ภาพรวมการเคลื่อนไหวของหุ้นไทยยังได้รับแรงกดดันจากภาคธนาคารของอิตาลี หลังตัวเลข NPL ภาคธนาคารของอิตาลีมีมูลค่าสูง โดยบ่ายนี้คาดดัชนีฯแกว่งตัวในกรอบ 1,450-1,460 จุด

 

นายชัยยศ จิวางกูร ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก เปิดเผยว่า ภาพรวมตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวอยู่ในกรอบแคบ เนื่องจากมีการ Preview ผลประกอบการไตรมาส 2/59 ของกลุ่มแบงก์ยังมีแนวโน้มออกมาเติบโตได้ดี หลังตัวเลขหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ปรับขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง และมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดีขึ้นด้วย แต่อย่างไรก็ตามการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นไทยได้รับปัจจัยกดดันจากการที่ธนาคารกลางอิตาลี เปิดเผยว่าภาคธนาคารของอิตาลีกำลังได้รับผลกระทบจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ซึ่งมีมูลค่าสูงถึงราว 3.60 แสนล้านยูโร หรือคิดเป็น 18.1% ของเงินกู้ทั้งหมดที่ปล่อยให้กับผู้บริโภค

โดยปัจจัยที่ยังต้องติดตามคือ รถไฟฟ้าสายสีชมพู สีเหลือง และสีส้มกำลังจะเริ่มขายซองประมูลในเดือนนี้ และรวมถึงทิศทางการปรับอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)  ส่วนแนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ดัชนีฯน่าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 1,450-1,460 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (5 ก.ค.) ว่า   SET เคลื่อนไหวแคบตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา แม้หุ้นกลุ่มธนาคารยังปรับสูงขึ้นก็ตาม ทั้งนี้เรามองการ “พักฐาน” ระยะสั้นของ SET เป็นเพียงการ “พัก” ระยะสั้นเพื่อปรับสูงขึ้นต่อในระยะสัปดาห์ เป้าหมาย 1,480 หรือถัดไปที่ 1,520 จุด สะท้อนสภาพคล่องตลาดเงิน-ทุน โลกสูง

แนะนำ “ซื้อ” IRPC ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 6.60 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ราคาหุ้นปรับลดลงสะท้อนค่าการกลั่นสิงคโปร์ที่อ่อนแอ อย่างไรก็ดีด้วยสัดส่วนการขายน้ำมันดีเซลในประเทศเพิ่มขึ้นทำให้ค่าการกลั่นของ IRPC จะสูงกว่าค่าการกลั่นสิงคโปร์ 2) การ Upgrade โรงกลั่นตั้งแต่กลางปีนี้ทำให้ปริมาณน้ำมันเตาที่มีอัตรากำไรต่ำลดลง ขณะที่มีสัดส่วน Propylene เพิ่มขึ้นหนุนเสถียรภาพกำไรระยะยาว

3) ระยะสั้นคาดการณ์กำไรไตรมา 2/59 ได้ผลดีจากกำไรสต็อกน้ำมัน 4) คาดการณ์กำไรปี 59 ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท +140% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ PE 8.6x และปีหน้ากำไรเติบโตต่ออีก 18% ขณะที่ให้ผลตอบแทนปันผล 5.2-6.8% ในปี 59-60 และ 5) ทางเทคนิคระยะสั้นทะลุแนวต้าน 4.86 บาท มีจังหวะขึ้นต่อไปที่แนวต้าน 5.15 บาท ระยะสั้น

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,990.26 ล้านบาท ปิดที่ 16.00 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท

ALT   มูลค่าการซื้อขาย 1,601.63 ล้านบาท ปิดที่   8.05 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,091.44 ล้านบาท ปิดที่ 179.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

THAI  มูลค่าการซื้อขาย 930.65 ล้านบาท ปิดที่  24.70 บาท เพิ่มขึ้น 1.00 บาท

IRPC มูลค่าการซื้อขาย    890.34 ล้านบาท ปิดที่   4.94 บาท เพิ่มขึ้น 0.14 บาท

Back to top button