SETบ่าย Sideway Downแนะเก็บ 11 หุ้นก่อนดีดแรง

SETบ่ายแกว่ง Sideway Down ในลักษณะปรับฐานลง พร้อมให้แนวรับ 1,445-1,440 จุด ส่วนแนวต้านยังเป็น 1,450 จุด แนะเก็บ 11 หุ้นก่อนดีดแรง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์รายงานตลาดหุ้นไทยดัชนี SET ภาคเช้า (6 ก.ค.) แกว่ง Sideway อิงไปในทางลบ หลังไร้ปัจจัยบวกหนุน ขณะเดียวกันตลาดภูมิภาคก็ติดลบกลับมากังวลผลกระทบจาก Brexit อาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว และ Bond yield สหรัฐฯ อายุ 10 ปีก็ลงมาต่ำสุด เหตุโยกเงินเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย แต่ตลาดฯ คงไม่ลงไปมาก บ่ายนี้คาดแกว่ง Sideway Down ปรับฐานลง ให้แนวรับ 1,445-1,440 แนวต้าน 1,450 จุด

 

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่ง Sideway  อิงไปในทางลบ เนื่องจากไม่มีปัจจัยบวกเข้ามา ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชียต่างก็ติดลบถ้วนหน้า ตอบรับความกังวล Brexit อีกรอบ และ Bond yield 10 ปีของสหรัฐก็ลงมาต่ำสุด

ทั้งนี้ แสดงให้เห็นว่า ตลาดฯ กังวลความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจาก Brexit ที่อาจทำให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ทำให้หุ้นและราคาน้ำมันต่างปรับตัวลง หลังจากนักลงทุนโยกเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ปลอดภัยอย่างทองคำและพันธบัตร (Bond)

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าตลาดหุ้นคงไม่ปรับตัวลงไปมาก เพราะปัจจุบันผลตอบแทนอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับต่ำ ทำให้การลงทุนในตลาดหุ้นยังน่าสนใจ เพราะให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า

แนวโน้มการลงทุนในช่วงบ่ายนี้ตลาดฯคงจะแกว่ง Sideway Down ในลักษณะปรับฐานลง พร้อมให้แนวรับ 1,445-1,440 จุด ส่วนแนวต้านยังเป็น 1,450 จุด

 

บล.ธนชาตระบุในบทวิเคราะห์ (6 ก.ค.) ว่า   SET เปิด Gap ลงตามตลาดหุ้นโลกและราคาน้ำมันที่ปรับตัวลง ก่อนจะฟื้นตัวกลับขึ้นทดสอบแนวต้านที่ 1,450 จุดอีกครั้ง อย่างไรก็ตามประเมิน Downside Risk จากการ “พักฐาน” จะจำกัดที่ 1,440 จุด ขณะที่ระยะสัปดาห์คาดว่าจะปรับสูงขึ้นในรูปแบบ Sideways Up ไปที่ 1,480 จุด แนะนำ “ซื้อ” 1) Consumption + Infrastructure Plays อย่าง ROBINS, CPN, BEAUTY, CK, SEAFCO และ “เก็งกำไร” CPALL 2) ผลดีจากดอกเบี้ยต่ำ อย่าง JASIF, DIF, KKP, KTC, และ THANI

แนะนำ “ซื้อ” KKP ด้วยเป้าหมายพื้นฐาน 50 บาท ด้วยปัจจัยสนับสนุนจาก 1) ผลการดำเนินงานเติบโตแกร่ง 22% ปีนี้ สูงสุดในกลุ่มธนาคาร และไม่มีปัญหาจากการตั้งสำรองจำนวนมากเหมือนกับธนาคารขนาดใหญ่ 2) รายได้จากธุรกิจหลักทรัพย์ผ่าน PHATRA เพิ่มขึ้นตามปริมาณการซื้อขายที่ดีในปีนี้ 3) ROE เร่งตัวขึ้นจาก 8.9% ในปี 2015 เป็น 10.5% ปีนี้ และ 11.2-11.7% ในปี 2017-18 4)ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง 6.6-7.4% ต่อปี (จ่ายปันผล 2 ปีครั้ง) และ 5) ในทางเทคนิคแกว่งตัวยกฐานขึ้นตามกรอบ ประเมินแนวต้านที่จุดสูงสุดเดิมบริเวณ 46.25 หรือถัดไปที่ 50.00 บาท

 

สรุป 5 หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุดภาคเช้า  

TRUE มูลค่าการซื้อขาย 1,880.61 ล้านบาท ปิดที่  7.45 บาท เพิ่มขึ้น 0.20 บาท

ALT มูลค่าการซื้อขาย 1,188.07 ล้านบาท ปิดที่   8.85 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท

THAI มูลค่าการซื้อขาย 1,170.08 ล้านบาท ปิดที่ 26.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.50 บาท

BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,091.45 ล้านบาท ปิดที่ 16.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท

IVL   มูลค่าการซื้อขาย 1,014.27 ล้านบาท ปิดที่  30.00 บาท เพิ่มขึ้น 1.50 บาท

Back to top button