SMT ธุรกิจในอนาคตเติบโตลดลงโบรกแนะขายเป้า 3.60 บ.

SMT ธุรกิจในอนาคตเติบโตลดลงโบรกแนะขายเป้า 3.60 บ.


บล.เคทีบี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ ว่า (22 ส.ค.) ว่า บริษัท สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ SMT รายงานขาดทุนสุทธิสำหรับไตรมาส 2/60 จำนวน 230 ล้านบาท จากเดิมที่กำไรในไตรมาส1/60 และไตรมาส2/59

ซึ่งสาเหตุการลดลงเกิดจาก 1) ยอดขายที่ลดลงมาก โดยมาจากสินค้ากลุ่ม IC Standard เป็นหลัก ที่เป็นสัดส่วนหลักของยอดขายทั้งหมด (มากกว่า 50% ของยอดขายรวม) ซึ่งลดลงไปกว่า 25.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และกลุ่ม Advance IC ที่ลดลงไป 2.5% เทียบไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ยอดขายที่เติบโตมากมาจากกลุ่ม Fiber opitcs ซึ่งเติบโตขึ้นมา 52.2% เทียบไตรมาสก่อนหน้า และ Box build เติบโตขึ้น 175.3% แต่ยังมียอดขายคิดเป็นสัดส่วนที่น้อยอยู่เป็นเพียงแค่ 11.8% และ 4.7% ของยอดขายรวม ตามลำดับ 2) อัตรากำไรขั้นต้นที่แย่ลง

เนื่องจากยอดขายหดตัวในกลุ่ม Advance IC ที่ margin สูง และยอดขายแผงโซลาร์ที่ไม่เป็นไปตามคาด อีกทั้งยังมีการตั้งสำรองเกี่ยวกับลูกหนี้และสินค้าคงเหลือที่เป็น Set top box จึงปรับประมาณการยอดขายปี 2017 ลงเหลือ 2,080 ล้านบาท ลดลง 17.8% ของประมาณการเดิม และปรับกำไรสุทธิปี 2017 ลงเป็นขาดทุนสุทธิ 173 ล้านบาท และกำไรปกติที่ 53 ล้านบาท (-37.5% YoY)

จากการประชุม analyst meeting ในวันที่ 18 สิงหาคม 2017  มีมุมมองที่เป็นลบกับ SMT เนื่องจากยอดขายในสินค้ากลุ่มต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเติบโตต่ำกว่าคาด โดยเฉพาะยอดขายสินค้ากลุ่ม IC standard ที่ใน ไตรมาส2/60 หดตัวลงมาก และยังมีการชะลอของสินค้าในกลุ่มอื่นๆ

จึงปรับประมาณการรายได้ของปี 2018 ลงเหลือ 3,000 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย และปรับอัตรากำไรขั้นต้นลงเหลือ 16.1% จากเดิมที่ประมาณการไว้ที่ 24.9% เนื่องจากยอดขายสินค้าในกลุ่ม High margin ไม่เป็นไปตามคาด เช่น แผงโซลาร์เซลล์ Wafer dicing และ Advance IC ทำให้ประมาณการกำไรสุทธิสำหรับปี 2018 ของเราลดลงเหลือ 201 ล้านบาท ลดลง 62.6% จากประมาณการเดิม

จากการปรับประมาณการรายได้และกำไรสุทธิใหม่ จากมุมมองต่อการเติบโตในอนาคตของ SMT ที่ลดลงมากราจึงเปลี่ยนมาใช้ราคาเป้าหมายในปี 2018 ที่ 3.60 บาท (จากเดิมราคาเป้าหมายปี 2017 อยู่ที่ 5.50 บาท โดยยังคงอิง PE ที่ 15 เท่า) คงคำแนะนำ “ขาย”

Back to top button