AAV โบรกฯส่องเหิรฟ้าอย่างสวยงามแนะนำซื้อราคาเป้าหมาย 6.30 บาท

AAV คาดการณ์ว่ากำไรหลักปีนี้ฟื้นตัวสดใสมากเป็น 1,820 ล้านบาท เพิ่มถึง 1,905% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 91 ล้านบาท หลังจากนั้นคาดว่าในงวดปี 59 และ 60 ก็เติบโตอยู่ในเกณฑ์ดีเป็น 14%/15% ตามลำดับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เริ่มต้นวิเคราะห์ด้วยคำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานที่ 6.30 บาท ประเมินด้วยวิธี P/BV ปี 59 ที่ 1.3 เท่า


บล.ดีบีเอสฯ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (5 ส.ค.) ว่า บริษัท เอเชีย เอวิเอชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ AAV ถือหุ้นใน Thai Air Asia (TAA) 55% ส่วนอีก 45% ถือหุ้นโดยกลุ่ม Air Asia Berhad จุดเด่นคือ TAA เป็นหนึ่งในสายการบินที่มีการควบคุมต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด จึงสามารถแข่งขันได้เป็นอย่างดีในกลุ่มสายการบินทั้งหมดในประเทศไทย และการเป็นหนึ่งในสมาชิกของกลุ่มแอร์เอเซีย TAA จึงได้รับประโยชน์จากการประหยัดต่อขนาด (economies of scale) ในการสั่งซื้อเครื่องบินใหม่ๆ และบริการต่างๆ อีกทั้งในกลุ่มแอร์เอเซียยังส่งต่อผู้โดยสารมาให้ AAV ได้ บริษัทในกลุ่มที่กล่าวถึงในกลุ่ม เช่น แอร์ เอเซีย (มาเลเซีย) และ Air Asia X Group เป็นต้น

อีกทั้งเติบโตได้ดีในการพึ่งพิงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยฟื้นตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือครึ่งแรกปี 58เพิ่ม 24% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนหลังจากปีที่แล้วมีผลการดำเนินงานไม่สดใสซึ่งเกิดขึ้นจากปัจจัยการเมืองไทย แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ +32% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนและจีน +97% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนTAA สามารถเชื่อมโยงสายการบินระดับนานาประเทศด้วยโครงข่ายที่มีอยู่

ขณะที่ TAA ก็มีความพร้อมที่จะให้บริการนักท่องเที่ยวที่มาเยือนไทยได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางตำแหน่งสายการบินต้นทุนต่ำ (LCC) ก็จะทำให้ราคาค่าโดยสารดึงดูดใจกับนักท่องเที่ยวที่เป็นตลาดที่กำลังเติบโตสูงและเน้นความประหยัดในการเดินทาง

คาดการณ์กำไรหลักปีนี้ฟื้นตัวสดใสมากเป็น 1,820 ล้านบาท เพิ่มถึง 1,905% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรเพียง 91 ล้านบาท หลังจากนั้นคาดว่าในงวดปี 59 และ 60 ก็เติบโตอยู่ในเกณฑ์ดีเป็น 14%/15% ตามลำดับ เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

คำแนะนำ ซื้อ ราคาพื้นฐานที่ 6.30 บาท ประเมินด้วยวิธี P/BV ปี 59 ที่ 1.3 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยตั้งแต่เข้ามา IPO + 1SD จุดเด่นอีกหนึ่งประการคือ อัตราผลตอบแทนส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) คาดว่าจะแตะใกล้ระดับ 9% ได้ในปี 58 และดีต่อเนื่องไปยังปี 59 และ 60 ที่ 9.3% และ 9.7% ตามลำดับ ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดตั้งแต่ IPO ในปี 55

Back to top button