“บล.ดาโอ” แนะซื้อ MAGURO เป้า 26 บาท ลุ้นกำไร Q3 นิวไฮต่อเนื่อง

“บล.ดาโอ” มองบวกต่อ MAGURO ลุ้นกำไรไตรมาส 3/68 ทำสถิติสูงสุดใหม่ รับหนุนจากรายได้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง คาดดันกำไรปี 68 แตะ 141 ล้านบาท โต 45% พร้อมกางแผนขยายสาขาใหม่ในปี 69


บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAGURO โดยทางนักวิเคราะห์ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จะเติบโตทั้ง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และ เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยได้แรงหนุนจากรายได้ที่ขยายตัวอย่างต่อเนื่อง อัตรากำไรทรงตัวในระดับสูง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ (SG&A to sales) ลดลงจากไตรมาสก่อนที่มีค่าใช้จ่ายพิเศษ เช่น ค่าที่ปรึกษาแบรนด์ และงานเลี้ยงประจำปี

ทั้งนี้ ยังคงนักวิเคราะห์ประมาณการกำไรสุทธิปี 2568 ที่ 141 ล้านบาท เติบโต 45% จากปีก่อน โดยครึ่งหลังปี 2568 จะเห็นกำไรขยายตัวต่อเนื่องจากรายได้และมาร์จิ้นสูงขึ้น

ราคาหุ้นทรงตัวเมื่อเทียบกับ SET ใน 1 เดือนที่ผ่านมาเมื่อเทียบกับดัชนี SET ปัจจุบันซื้อขายที่ PER 2568 ราว 15.4 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มอุตสาหกรรม สะท้อน Valuation ที่ยังน่าสนใจ และมีอัพไซด์จากการเปิดแบรนด์ใหม่ รวมถึงอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าคาด

นักวิเคราะห์มีมุมมองเชิงบวกจากการประชุมนักลงทุน Opportunity Day เมื่อวันที่ 18 สิงหาคม 2568 โดยภาพรวม (Outlook) ยังเป็นไปตามคาดการณ์ และมีประเด็นสำคัญ ดังนี้ Bincho เปิดดำเนินการมาแล้ว 1 เดือนครึ่ง สร้างรายได้สูงกว่าเป้าหมายที่บริษัทตั้งไว้กว่า 70% ลูกค้ายังคงหนาแน่นแม้ในวันธรรมดา และมีแผนเปิดสาขาที่ 2 ในช่วงครึ่งแรกปี 2569 บริเวณใจกลางกรุงเทพฯ

โดย Kiwamiya เตรียมเปิดให้บริการวันที่ 4 กันยายน 2568 โดยมีจุดแข็งเหนือคู่แข่งจากความหลากหลายของเมนู รวมถึงการเพิ่มเมนูหมูเพื่อรองรับลูกค้าที่ไม่ทานเนื้อ อีกทั้งลูกค้าสามารถควบคุมระดับความสุกได้เอง พร้อมแผนขยายสาขาเพิ่มเติมในปี 2569 โดยบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายสาขาไปยังจังหวัดรอบกรุงเทพฯ

อีกทั้ง ผลการดำเนินงาน QTD ในไตรมาส 3/2568 ยอดขายสาขาเดิม (SSSG) หดตัวน้อยลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2568 สะท้อนการฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ

แม้ GPM จะทำระดับสูงสุดใหม่ในไตรมาส 2/2568 แต่ฝ่ายบริหารคาดว่าจะยังสามารถรักษาได้ หรืออาจขยายตัวต่อในไตรมาส 3/2568 จากปัจจัยต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัว และสัดส่วนรายได้จากแบรนด์ที่มีมาร์จิ้นสูงเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ คาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 3/2568 จะเติบโตทั้งเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่ทำระดับสูงสุดต่อเนื่อง อัตรากำไรทรงตัวในระดับสูง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ (SG&A to sales) ลดลง หลังจากไตรมาส 2/2568 มีค่าใช้จ่ายพิเศษในการสำรวจแบรนด์และจัดงานเลี้ยงประจำปีจำนวน 4 ล้านบาท

โดย บล.ดาโอ ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” และให้ราคาเป้าหมายที่ 26.00 บาท อิง PER 23.5 เท่า

Back to top button