ลงทุนระยะสั้น

นายสุเชษฐ์ สุขแท้ รองกรรมการผู้จัดการฝ่ายมีเดียมาร์เก็ตติ้ง บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด หรือ ASL เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (15 ก.ค.68) ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยในช่วงนี้ยังคงขาดปัจจัยหนุนด้านปริมาณการซื้อขาย แม้ว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) จะสามารถรีบาวด์ขึ้นมาได้เมื่อวานนี้ โดยปิดที่ระดับ 1,143 จุด แต่การขาดวอลุ่มยังเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ตลาดไม่สามารถเคลื่อนไหวต่อเนื่องได้อย่างแข็งแรง โดยมองแนวรับสำคัญที่บริเวณ 1,130 จุด และประเมินเป้าหมายทางเทคนิคที่ระดับ 1,150 จุด ซึ่งหากสามารถยืนเหนือระดับดังกล่าวได้ จะเป็นสัญญาณเชิงบวกต่อทิศทางในระยะสั้น สำหรับหุ้นเด่นที่น่าสนใจภายใต้ภาวะตลาดที่ยังมีความผันผวน ได้แก่ หุ้น AOT ซึ่งราคาปิดล่าสุดอยู่ที่ 33.50 บาท โดยมีแนวต้านระยะสั้นที่ 35 บาท หากสามารถผ่านแนวต้านดังกล่าวได้ เทรนด์ขาขึ้นจะชัดเจนยิ่งขึ้น เนื่องจากจะตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยหลายเส้นและสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน โดยมีแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและรายได้จากผู้โดยสารระหว่างประเทศ ขณะที่ CPF ราคาหุ้นเคลื่อนไหวในระดับต่ำ โดยมีแนวรับที่ 21 บาท และแนวต้านที่ 23 บาท หากสามารถทะลุผ่านได้ จะมีโอกาสเดินหน้าสู่ระดับ 25 บาท ซึ่งถือเป็นหุ้นที่เริ่มฟื้นตัวและน่าสะสมเพื่อการลงทุนระยะกลางถึงยาว ด้าน SISB แม้ราคาหุ้นยังทรงตัวในระดับล่าง แต่หากสามารถยืนเหนือแนวรับ 15 บาทได้ ก็มีโอกาสขยับขึ้นไปยังระดับ 16–16.50 บาท โดยได้รับปัจจัยบวกจากการเติบโตของธุรกิจการศึกษา ทั้งระดับมัธยมและอินเตอร์เนชั่นแนล ส่วนหุ้น BEM ยังคงได้รับความสนใจจากโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายหลายสาย โดยราคาหุ้นอยู่ในช่วงทดสอบแนวต้านที่ 6 บาท หากผ่านได้จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 8 บาท ส่วน PTG เป็นหุ้นที่เหมาะกับการเก็งกำไรระยะสั้น โดยขึ้นอยู่กับแนวโน้มราคาน้ำมันและการขยายเครือข่ายสถานีบริการ ซึ่งราคาหุ้นปัจจุบันอยู่ที่ 5.90 บาท แนวรับที่ 5.50 บาท และแนวต้านอยู่ที่ 6.50–7.00 บาท ขณะที่หุ้น MINT ยังคงเคลื่อนไหวใกล้แนวต้านที่ 24.40 บาท หากสามารถผ่านแนวดังกล่าวได้ จะมีโอกาสปรับตัวขึ้นไปยังระดับ 25–26 บาท โดยได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมในยุโรปและการเดินทางระหว่างประเทศ ด้านบรรยากาศตลาดหุ้นภูมิภาคยังคงมีความผันผวน โดยตลาดออสเตรเลียปรับลดลง 0.8%, จีน -1.0%, ฟิลิปปินส์ -0.57%, เวียดนาม -0.11% ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับขึ้นเล็กน้อยราว 47 จุด ซึ่งยังไม่เพียงพอที่จะสร้างแรงหนุนให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแรง นอกจากนี้ ราคาน้ำมันในตลาดโลกยังไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ระดับ 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลได้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่นักลงทุนต้องติดตามใกล้ชิด เนื่องจากอาจส่งผลกระทบต่อกลุ่มพลังงาน ขณะเดียวกันกระแสเงินทุนจากนักลงทุนต่างชาติยังไม่ส่งสัญญาณการไหลกลับเข้าสู่ตลาดไทยอย่างชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณเชิงบวกจากแรงซื้อในช่วงบ่ายของเมื่อวาน โดยเฉพาะในกลุ่มหุ้นท่องเที่ยว เช่น AOT ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนบางส่วน และหากวันนี้ตลาดสามารถยืนเหนือระดับ 1,130 จุดได้อย่างมั่นคง ประกอบกับมีปัจจัยหนุนเพิ่มเติมจากต่างประเทศหรือปัจจัยในประเทศ เช่น รายงานผลประกอบการและความชัดเจนด้านนโยบายเศรษฐกิจ ก็มีโอกาสที่ดัชนีจะเดินหน้าสู่เป้าหมายระยะสั้นที่ 1,150 จุดต่อไป