หุ้นMMM

นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MMM ผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เปิดเผยว่า ขอขอบคุณนักลงทุนที่ให้การตอบรับหุ้น MMM ซึ่งเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก โดยแม้ว่าราคาหุ้นปิดการซื้อขายระหว่างวันต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ แต่บริษัทมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่แข็งแกร่งและแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สำหรับผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 102.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิ 18.33% และมีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 561.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.51% จากปีก่อน สะท้อนศักยภาพในการเติบโตอย่างโดดเด่น นอกจากนี้ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน กลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ซึ่งประกอบด้วยนางสาวณิชา และนายสุริยา ถือหุ้นรวม 219,997,900 หุ้น หรือคิดเป็น 73.33% ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญ โดยนอกจากติดเงื่อนไข Silent Period ตามหลักเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แล้ว ยังยืนยันไม่ขายหุ้นส่วนที่เหลือโดยสมัครใจ (Lock Up) ทั้งหมด 100% เป็นเวลา 1 ปี นับจากวันเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนมูลค่า 287.10 ล้านบาท บริษัทฯ มีแผนนำไปขยายธุรกิจหลักทั้ง 3 ประเภท ได้แก่ ธุรกิจที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) การบริหารงานขายโครงการ (BU2) และธุรกิจบริการแบบ Hybrid รวมถึงการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อการซื้อขาย (BU3) พร้อมใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนเพื่อรองรับการขยายธุรกิจและพัฒนาโครงการใหม่ในอนาคต เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่บริษัทและผู้ถือหุ้นในระยะยาว ด้านนางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง เปิดเผยว่า KGI ยืนยันตามข้อตกลงว่าจะไม่ขายหุ้น MMM จำนวน 12,966,700 หุ้น ที่ถืออยู่ในพอร์ต เป็นเวลาอย่างน้อย 15 วันหลังเข้าซื้อขายในตลาด mai ซึ่งเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักลงทุนว่าหุ้นในพอร์ตของ KGI จะไม่เกิดแรงเทขาย ขณะที่นางสาวเดือนพรรณ ลีลาวิวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไพโอเนีย แอดไวเซอรี่ จำกัด ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า หุ้น MMM เป็นทั้งหุ้นเติบโต (Growth Stock) และหุ้นปันผล (Dividend Stock) ที่มีศักยภาพการสร้างผลตอบแทนต่อเนื่อง จึงเหมาะแก่การลงทุนในระยะยาว โดยหลังจากการระดมทุน บริษัทมีแผนขยายธุรกิจทั้ง 3 ด้านอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะช่วยผลักดันการเติบโตของผลการดำเนินงานและสร้างคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้นในอนาคต