เฟซบุ๊ก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทเฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียรายใหญ่อันดับหนึ่งของโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักหลังมีรายงานข่าวว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ซึ่งเป็นบริษัทวิเคราะห์การเมือง สามารถเข้าถึงข้อมูลโปรไฟล์ของผู้ใช้บริการเฟซบุ๊กจำนวน 50 ล้านคน โดยไม่ได้รับอนุญาตเนื่องด้วยจุดประสงค์ทางการเมือง โดยเหตุการณ์ดังกล่าวฉุดหุ้นเฟซบุ๊กร่วงลงเกือบ 7% ในการซื้อขายที่ตลาดหุ้นนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ หลังจากสื่อของสหรัฐฯ และอังกฤษได้รายงานว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ได้แสวงหาประโยชน์จากข้อมูลผู้ใช้งานเฟซบุ๊กด้วยจุดประสงค์ที่คาดว่ามีความเชื่อมโยงกับ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยหาเสียงเมื่อปี 2559 ด้านหนังสือพิมพ์เดอะ เมอร์คิวรี นิวส์ ของแคลิฟอร์เนีย รายงานว่า ทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ได้ใช้ข้อมูลของแคมบริดจ์ อนาลิติกา ระหว่างการเลือกตั้งขั้นต้น แต่ไม่ได้ใช้ระหว่างการเลือกตั้งทั่วไป ขณะที่ข้อมูลตัวเลขจากคณะกรรมการการเลือกตั้งของสหรัฐฯ ระบุว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ได้รับเงินเป็นจำนวน 5.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อปี 2559 จากทีมหาเสียงของปธน.ทรัมป์ ขณะที่รายงานจากสำนักข่าวเอพีระบุว่า เฟซบุ๊กได้เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า แคมบริดจ์ อนาลิติกา ได้รับข้อมูลผู้ใช้งานจากแอพพลิเคชั่นหนึ่งบนเฟซบุ๊กเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งแอพดังกล่าวอ้างตัวว่าเป็นเครื่องมือวิจัยทางจิตวิทยา อย่างไรก็ตาม แคมบริดจ์ อนาลิติกา ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าถึงข้อมูลดังกล่าว อย่างไรก็ตาม เฟซบุ๊ก ได้ออกมายอมรับว่า แอพดังกล่าวมีผู้ใช้งานดาวน์โหลดไปแล้วประมาณ 270,000 ราย ซึ่งผู้ใช้งานได้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัวไปกับแอพดังกล่าวแล้วเช่นกัน ขณะที่สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 มี.ค.61) เฟซบุ๊กได้ออกแถลงการณ์ว่า ทางบริษัทได้ระงับไม่ให้ "บริษัทสเตรทจิค คอมมิวนิเคชั่น ลาโบราทอรี่ส์ (เอสซีแอล) ซึ่งรวมถึงบริษัทวิเคราะห์ข้อมูลทางการเมืองอย่างแคมบริดจ์ อนาลิติกา เข้าใช้งานเฟซบุ๊ก โดยให้เหตุผลว่า บริษัททั้งสองแห่งนี้ไม่ยอมลบข้อมูลผู้ใช้งานที่ได้มาเมื่อปี 2558 ซึ่งเป็นข้อมูลที่ได้มาจากการฝ่าฝืนระเบียบของเฟซบุ๊ก ด้านเมอร์คิวรี นิวส์ รายงานด้วยว่า ขณะนี้วุฒิสมาชิกสหรัฐฯ รายหนึ่งกำลังเรียกร้องให้ นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊ก เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมการตุลาการประจำวุฒิสภา ในกรณีการละเมิดข้อมูลผู้ใช้งานเพื่อเอื้อประโยชน์ต่อการหาเสียงเลือกตั้ง