เอลนีโญ

สถานการณ์ทั่วโลกกำลังเผชิญกับปัญหา “เอลนีโญ” ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ถือเป็นการแปรปรวนของระบบภูมิอากาศที่ทรงพลังเกิดอากาศร้อนจัดส่งผลให้ฝนตกน้อยลง ส่อกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลกเป็นอย่างมาก เช่นเดียวกับในประเทศไทยจะมีปริมาณฝนรวมทั้งปี 2566 จะน้อยกว่าค่าปกติ 5% และสถานการณ์อาจยาวไปจนถึงต้นปี 2567 ดังนั้นอาจทำให้หลายจังหวัดอาจต้องประสบปัญหาภัยแล้ง โดยเบื้องต้นทางรัฐบาลได้เฝ้าติดตามความคืบหน้าในการขับเคลื่อนบริหารน้ำในเชิงรุกมาอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมรับมือผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญอย่างใกล้ชิดตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และยังได้เตรียมแผนปฏิบัติการในการรองรับไว้ล่วงหน้าก่อนเข้าสู่ฤดูฝน เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อประชาชน อย่างไรก็ตามจากสถานการณ์ที่เกิดปรากฏการณ์เอลนีโญทำให้ประเทศไทยเกิดอาการร้อน และแห้งแล้ง จนทำให้ธุรกิจเกี่ยวข้องอย่างอุตสาหกรรมน้ำอุปโภค-บริโภค และธุรกิจเครื่องดื่มได้ประโยชน์จากความต้องการซื้อน้ำประปามากขึ้นจากปริมาณน้ำมันฝน ขณะที่ล่าสุด บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KS เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพภูมิอากาศของโลกที่กำลังเปลี่ยนจากปรากฎการณ์ “ลานีญา” เป็น “เอลนีโญ” ในปี 2566 เป็นต้นไป ทำให้ประเทศไทยจะมีสภาพภูมิอากาศที่ร้อนและแห้งแล้งมากขึ้นโดยมองธีมหุ้นที่เกี่ยวข้องดังนี้คือ 1.กลุ่มค้าปลีก และกลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, OSP, CBG, SAPPE จากความต้องการเครื่องดื่มดับกระหายมากขึ้น และกลุ่มน้ำประปา บริษัท ทีทีดับบลิว จำกัด (มหาชน) หรือ TTW จากความต้องการซื้อน้ำประปามากขึ้นจากปริมาณน้ำมันฝน นอกจากนี้ยังมีหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากสภาพอากาศที่ร้อนจัด โดยเฉพาะกลุ่มผู้จำหน่ายแอร์และพัดลม คือ บริษัท ซิงเกอร์ประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SINGER, บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ขณะเดียวกันกลุ่มผู้ผลิตน้ำผลไม้และเครื่องดื่ม คือ บริษัท โอสถสภา จำกัด (มหาชน) หรือ OSP, บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE, บริษัท ทิปโก้ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPCO, บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI, บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC เป็นต้น ซึ่งจะทำให้หุ้นที่ได้รับอานิสงส์อากาศร้อนจัดมีแนวโน้มกำไรเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สอดคล้องกับนักวิเคราะห์หลายแห่งออกมาประเมินแนวโน้มกำไรของหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากฤดูร้อน โดย บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด ระบุว่า OSP ยังคงคำแนะนำ ‘ซื้อ’ จากงบที่ออกมาดีกว่าตลาดคาด โดยให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 34 บาท มองว่ารายได้จะฟื้นตัวต่อเนื่องและอัตรากำไรขั้นต้นที่ฟื้นตัวได้ดีในไตรมาส 1/2566 จะช่วยหนุนให้ผลประกอบการครึ่งหลังของปี 2566 เติบโตแข็งแกร่ง ขณะที่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า SAPPE ตามปกติแล้วไตรมาส 2/2566 และไตรมาส 3/2566 จะเป็นช่วงไฮซีซั่นของยอดขายเครื่องดื่ม เนื่องจากเป็นช่วงฤดูร้อนทั่วโลก ดังนั้นจึงคาดว่ายอดขายน่าจะเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 2/2566 และทำสถิติสูงสุดรายไตรมาสใหม่ ซึ่งอาจจะรวมถึงกำไรสุทธิด้วย จะเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยกระตุ้นราคาหุ้นในอีกสองสามเดือนข้างหน้า โดยประเมินราคาเป้าหมายอยู่ที่ 94 บาท ส่วน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า ICHI มีแนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 จะโตต่อเนื่องทั้งจากไตรมาสก่อนหน้าและเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากปัจจัยด้านฤดูกาลและการรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากลูกค้า OEM รายใหม่ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ไว้ที่ 732 ล้านบาท เติบโต 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยให้ราคาเป้าหมาย 15.70 บาท