BBKI

ผู้สื่อข่าวรายงาน นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เปิดเผยแนวโน้มการลงทุนในไทยในปี 2568 ยังเติบโตสูง และได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยช่วงครึ่งปีแรก ม.ค.-มิ.ย.68 มีการยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างมาก ทั้งในด้านจำนวนโครงการและเงินลงทุน โดยตัวเลขการขอรับการส่งเสริมการลงทุนมีจำนวน 1,880 โครงการ เพิ่มขึ้น 38% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ขณะที่มีมูลค่าเงินลงทุนรวม 1,058,225 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138% สะท้อนถึงความเชื่อมั่น และบทบาทของไทยในการเป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญในภูมิภาค ทั้งนี้จากข้อมูล กลุ่มอุตสาหกรรม ที่มีมูลค่าเงินลงทุนสูง ได้แก่ 1.) ดิจิทัล คิดเป็น 522,577 ล้านบาท จำนวน 89 โครงการ 2.) อิเล็กทรอนิกส์และเครื่องใช้ไฟฟ้า คิดเป็น 125,786 ล้านบาท จำนวน 268 โครงการ 3.) ยานยนต์และชิ้นส่วน คิดเป็น 45,195 ล้านบาท จำนวน 172 โครงการ 4.) การผลิตพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน คิดเป็น 42,238 ล้านบาท จำนวน 191 โครงการ 5.) เกษตรและแปรรูปอาหาร คิดเป็น 30,785 ล้านบาท จำนวน 184 โครงการ 6.) ปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ คิดเป็น 26,726 ล้านบาท จำนวน 161 โครงการ 7.) การแพทย์ คิดเป็น 18,582 ล้านบาท จำนวน 68 โครงการ และ 8.) การท่องเที่ยว คิดเป็น 12,894 ล้านบาท จำนวน 17 โครงการตามลำดับ ขณะที่ โครงการขอรับการส่งเสริมที่น่าสนใจในช่วงครึ่งแรกของปี 2568 ซึ่งสะท้อนถึงความโดดเด่นของประเทศไทย ในฐานะศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาค ด้านยานยนต์, เซมิคอนดักเตอร์, อิเล็กทรอนิกส์และดิจิทัล มีตัวอย่าง เช่น โครงการลงทุน Data Center ขนาดใหญ่, โครงการขยายการลงทุนของค่ายรถยนต์ญี่ปุ่น เพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นต้น จากข่าวดังกล่าว บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึงกระแสเงินลงทุนทางตรงต่างชาติในประเทศไทยครึ่งแรกปี 2568 ยังเป็นภาพบวก ซึ่งยอดขอรับส่งเสริมการลงทุน BOI อยู่ที่ 1.05 ล้านล้านบาท เติบโต 138% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็น 93% ของยอดขอส่งเสริมการลงทุนปี 2567 อีกทั้งช่วงครึ่งแรกปี 2568 ที่มียอด 4.5 แสนล้านบาท ทำให้แม้มีความเสี่ยงยอดขอรับการส่งเสริมลงทุนอาจจะชะลอลงช่วงครึ่งหลังปี 2568 จากความไม่แน่นอนภาษีการค้ากับสหรัฐ แต่ยังคาดการณ์ทั้งปียังคาดขยายตัวได้ ทั้งนี้ ช่วงครึ่งแรกปี 2568 กลุ่มอุตสาหกรรมที่เด่น คือ ธุรกิจดิจิทัล พบยอดขอลงทุน 5.22 แสนล้านบาท เติบโตเกิน 2 เท่าจากทั้งปีก่อน อยู่ที่ 2.43 แสนล้านบาท และเพิ่ม 20 เท่า จากครึ่งแรกปี 2567 รวมถึงเติบโต 5.5 เท่า จากไตรมาสก่อนหน้า อย่างมีนัยสำคัญจากฐานไตรมาส 1/2568 อยู่ที่ 9.4 หมื่นล้านบาท โดยมีธุรกิจเชื่อมโยง อาทิ กลุ่มพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 4.2 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ประเมินปัจจัยดังกล่าวบ่งชี้ภาพบวกธุรกิจแทบไม่มีผลกระทบความกังวลมาตรการการค้า ซึ่งมองบวกต่อโอกาสเติบโตหุ้นใน “ธีม Infra Tech” อาทิ โรงไฟฟ้า GULF นิคม AMATA สื่อสาร ADVANC และ Digital Tech อาทิ BBIK นอกหจากนี้ นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ยังได้กล่าวถึงข่าวดังกล่าวว่า แนะนำกระแสข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับการที่นักลงทุนต่างชาติเพิ่มความสนใจเข้ามาลงทุนในประเทศไทย อาทิ กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมในธีม Infra Tech และหุ้น Sector ใหญ่รองรับเงินลงทุนต่างชาติ (Fund Flows) อาทิ กลุ่มธนาคาร SCB พร้อมกับพลังงานอย่าง ADVANC และ AMATA