Mobility Expo2025

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (29 ก.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท มิลเลนเนียม กรุ๊ป คอร์ปอเรชั่น (เอเชีย) จำกัด (มหาชน) หรือ MGC ณ เวลา 10:07 น. อยู่ที่ระดับ 3.18 บาท บวก 0.12 บาท หรือ 3.92% สูงสุดที่ระดับ 3.18 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.12 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 194,000 บาท ดร.สัณหวุฒิ ธรรมชวนวิริยะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม MGC ผู้นำธุรกิจไลฟ์สไตล์โมบิลิตี้ครบวงจร เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจัดงานใหญ่ประจำปี “MGC-ASIA MOBILITY EXPO 2025” โดยยกทัพยนตรกรรมในเครือมากกว่า 40 รุ่น ภายใต้ 11 แบรนด์ มูลค่ากว่า 250 ล้านบาท เพื่อจัดแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด ด้วย The Ultimate Deals of the Year ข้อเสนอพิเศษแห่งปีระหว่างวันที่ 9-13 ตุลาคม 2568 ณ ศูนย์การค้าสยามพารากอน พร้อมกันนี้จะมีการเปิดตัว ‘New BMW The i7 eDrive50 M Sport’ ครั้งแรกในประเทศไทย ซึ่งในปี 2568 ใช้พื้นที่การจัดงานมากกว่า 2,500 ตารางเมตร (ตร.ม.) และความพิเศษเหนือสิ่งอื่นใด คือ ความมั่นใจของลูกค้า ที่จะต้องได้รับประสบการณ์ที่ประทับใจ ทั้งในด้านสินค้า และการบริการ ทั้งนี้ สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่จองรถและลงทะเบียนภายในงานมีดังนีั 1. สมาชิกบัตรเครดิต Card X และ SCB, กรุงศรี, กรุงเทพ, ยูโอบี และทีทีบี ใช้คะแนนแลกรับเครดิตเงินคืนสูงสุด 30% พร้อมรับเพิ่มสูงสุด 25,000 คะแนน 2. รับสยามกิฟท์การ์ด รวมมูลค่าสูงสุด 170,000 บาท เมื่อจองและออกรถรุ่นที่กำหนด 3. สมาชิก MGC-MOBILIFE รับความคุ้มค่าถึง 3 ต่อ ต่อที่ 1 รับฟรี MOBILIFE PACKAGE มูลค่ารวมกว่า 30,000 บาทต่อที่ 2 รับคะแนน MGC POINT รวมกว่า 1,000,000 คะแนน และต่อที่ 3 ร่วมเวิร์กชอปสุดเอ็กซ์คลูซีฟ KUNJAE & CO–Customized To Your Taste สร้างสรรค์พวงกุญแจหนังสไตล์คุณ มูลค่า 1,290 บาท 4. รับ E-Coupon ขับฟรีภายในประเทศ! 1 วัน กับ SIXT รถเช่า ประเทศไทย (จำนวนจำกัด) และรับ E-Coupon เช่ารถหรือลีมูซีน ทั้งไทยและต่างประเทศ มูลค่ารวม 4,000 บาท 5.เรือแม่น้ำคริส-คราฟต์มอบส่วนลดบริการเช่าเหมาลำเรือมูลค่า 10,000 บาท 6. เอ็มจีซี เอวิเอชั่น ผู้แทนจำหน่ายบัตรโดยสารสายการบินชั้นนำมอบส่วนลดจองบัตรโดยสารสายการบินมูลค่ารวม 3,000 บาท สำหรับการเดินทางในและต่างประเทศ และ 7.ฮาวเด้น แมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านนายหน้าประกันภัยมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าที่ซื้อประกันภัยรถยนต์ ด้วยข้อเสนอราคาพิเศษ พร้อมผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน และสิทธิประโยชน์อีกมาก ดังนั้น บริษัทมั่นใจว่าในการจัดงานตลอด 5 วัน จะได้การตอบรับที่ดีและคาดหวังยอดขายไว้ประมาณ 250-300 คัน เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มียอดขาย 250 คัน เนื่องจากปี 2568 เป็นช่วงเวลาที่พอเหมาะกับช่วงที่รัฐบาลฟอร์มทีมขึ้นมาใหม่ได้เร็ว และได้เสียงตอบรับที่ดีจากประชาชน ซึ่งน่าจะทำให้บรรยากาศเศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น และมองว่ารัฐบาลจะมีนโยบาย หรือเครื่องมือที่จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น และบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอยให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง รวมถึงแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่มีการปรับลดลงมาก่อนหน้า น่าจะมีการปรับลดลงอีก ซึ่งเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อการดำเนินธุรกิจ *ส่งซิกผลงานครึ่งปีหลังโต! ดร.สัณหวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวโน้มภาพรวมผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2568 คาดว่าจะเติบโตมากกว่าช่วงครึ่งปีแรก ที่มีรายได้จากการขายและบริการรวม 8,810.41 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 3/2568 และโดยเฉพาะในไตรมาส 4/2568 จะมีการทยอยส่งมอบรถให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องในหลายแบรนด์ เช่น ยานยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวอย่าง BMW i7 ได้รับคำสั่งซื้อเข้ามากว่า 100 คัน เป็นต้น รวมถึงมีสินค้าที่รับคำสั่งซื้อไว้แล้ว แต่ยังไม่มีในสต๊อก (Back order) อีกจำนวนหนึ่งที่รอส่งมอบเพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ยานยนต์ไฟฟ้า XPENG และ ZEEKR ยังได้การตอบรับที่ดีมากอย่างต่อเนื่อง โดยมีคำสั่งซื้อมากกว่าซัพพลายที่มี หรือเติบโตกว่า 500% (5 เท่า) จากปี 2567 ส่งผลให้ 8 เดือนแรกของปี 2568 มีคำสั่งซื้อรอส่งมอบ (Backlog) มากกว่า 1,000 คัน มูลค่าหลายพันล้านบาท และเตรียมส่งมอบให้กับลูกค้าภายในสิ้นปี 2568 อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังอยู่ในช่วงไตรมาส 3/2568 และกำลังเข้าสู่ช่วงไตรมาส 4/2568 เชื่อว่าจะมีคำสั่งซื้อเข้ามา สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 2568 บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันรายได้จากการขายและให้บริการ แตะ 25,000 ล้านบาท เติบโตประมาณ 10% เมื่อเทียบกับปี 2567 ที่มีรายได้จากการขายและให้บริการรวม 20,333 ล้านบาท เนื่องจากเป็นปีแห่งการเฉลิมฉลองครบรอบ 25 ปี และมีการจัดโปรโมชันออกมากระตุ้นยอดขายตลอดทั้งปี โดยเฉพาะยอดขายจากฝั่งยานยนต์ไฟฟ้า (EV) แม้ว่าปี 2568 จะเป็นปีที่ท้าทาย จากปัจจัยกดดันหลายด้าน แต่ยังสามารถขับเคลื่อนธุรกิจในเครือ และผลักดันตัวเลขผลการดำเนินงานให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ได้ “ในปีนี้ยังไม่มีการขยายธุรกิจใหม่ หรือขยายแบรนด์ใหม่ แต่จะเป็นการเน้นเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจในเครือทุกด้าน เช่น การนำเทคโนโลยีหรือ AI เข้ามาปรับช่วยในการดำเนินธุรกิจให้แม่นยำมากขึ้น” ดร.สัณหวุฒิ กล่าว ทั้งนี้ MGC-ASIA ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลานาน 25 ปี โดยมีจุดแข็งจากการมีพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลายครอบคลุมรถยนต์ทุกเซกเมนต์ ทั้งค่ายยุโรป อเมริกา ญี่ปุ่น และจีน ภายใต้การบริการระดับพรีเมียมและสาขาบริการครอบคลุมมากกว่า 80 แห่งทั่วประเทศ รวมถึงมีบริษัทในเครือ เช่น ธุรกิจการเงิน (ไฟแนนซ์) ประกันภัย และรถเช่า เข้ามาเสริม และการมีพันธมิตรทางธุรกิจที่ดี และแข็งแกร่ง ทำให้มีโอกาสและทางเลือกในการดำเนินธุรกิจที่มากกว่ากลุ่มอื่น ๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพในการเติบโตอย่างมั่นคง และยั่งยืนในอนาคต