”บีโอไอ” ไฟเขียวงบ  2.6 หมื่นลบ. หนุนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เน้นพลังงาน-รถ EV

บอร์ด ”บีโอไอ” ไฟเขียวงบ  2.6 หมื่นลบ. หนุนลงทุนโครงการขนาดใหญ่ เน้นพลังงาน-รถ EV เพื่อสร้างความพร้อมด้านพลังงาน พร้อมยืดมาตรการกระตุ้นการลงทุน EEC ถึงสิ้นปี 65


น.ส.ดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานว่า ที่ประชุมฯ ได้พิจารณาเห็นชอบให้การส่งเสริมโครงการขนาดใหญ่ รวมมูลค่าการลงทุนกว่า 26,000 ล้านบาท เพื่อสร้างความพร้อมด้านพลังงาน พร้อมยกระดับขีดความสามารถการแข่งขันของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางโลจิสติกส์และอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาค เช่น

-บริษัท เอสเอไอซี มอเตอร์-ซีพี จำกัด เงินลงทุน 3,656.19 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ประกอบด้วยรถยนต์ไฟฟ้าแบบแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicles-BEV) ปีละประมาณ 6,000 คัน รถยนต์ไฟฟ้าแบบผสม (Hybrid Electric Vehicles-HEV) ปีละประมาณ 50,000 คัน และแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ปีละประมาณ 65,805 ชิ้น

-บริษัท ฮัทชิสัน แหลมฉบัง เทอร์มินอล จำกัด เงินลงทุน 3,434.36 ล้านบาท ในโครงการท่าเทียบเรือ D2 ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี เพื่อให้บริการขนถ่ายสินค้าตู้คอนเทนเนอร์ ปีละประมาณ 812,000 ทีอียู โดยมีกลุ่มลูกค้าหลักจากประเทศญี่ปุ่น จีน และเยอรมนี

-บมจ.สหโคเจน (ชลบุรี) (SCG) เงินลงทุน 2,700 ล้านบาท เพื่อขยายกิจการผลิตพลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานไฟฟ้าและไอน้ำจากพลังงานอื่นๆ ในระบบ COGENERATION

น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า ตัวเลขคำขอส่งเสริมการลงทุนในปี 64 เป็นไปตามเป้าที่ 6 แสนล้านบาท โดยมีตัวเลขการลงทุนจริงประมาณ 4 แสนล้านบาท กลุ่มอุตสาหกรรมที่มีลงทุนมากสุดคือ กลุ่มไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีถึง 17%ของการลงทุนทั้งหมด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีการลงทุนจริงมากสุดด้วย เพราะมีคำสั่งซื้อมากขึ้น

ส่วนคำขอส่งเสริมการลงทุนในปี 65 ทางบีโอไอยังไม่ได้กำหนดเป้าหมาย แต่ถ้าสถานเศรษฐกิจโลกดีขึ้น และการแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนไม่มีผลกระทบมากนัก โดยเฉลี่ยแล้วคำขอส่งเสริมการลงทุนน่าจะไม่ต่ำกว่า 5 แสนล้านบาท

สำหรับปัจจัยบวกในการส่งเสริมการลงทุนในปี 65 น.ส.ดวงใจ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลก ถ้าขยายตัวได้ดีก็ส่งผลดีต่อการส่งออกด้วย รวมไปถึงมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่จะช่วยส่งเสริมการลงทุนให้มากขึ้น และความต้องการในอุตสาหกรรมด้านอิเล็กทรอนิกส์และอุตสาหกรรมอาหารที่ยังมีความต้องการดีอยู่ ส่วนปัจจัยลบ คือ เรื่องแรงงานที่จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพของแรงงาน และสถานการณ์การแพร่ระบาดของสายพันธุ์โอมิครอนว่าจะส่งผลต่อการเปิดประเทศหรือไม่

นอกจากนี้ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ)  เห็นชอบให้ขยายมาตรการกระตุ้นการลงทุน ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง รวมทั้งกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุนในเขตพื้นที่ย่านนวัตกรรมการแพทย์ สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (AIT) และสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) เพื่อต่อยอดพัฒนานวัตกรรมที่ใช้เทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) พัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมาย

สำหรับมาตรการกระตุ้นการลงทุนปี 2565 บีโอไอมุ่งส่งเสริมการลงทุนของภาคเอกชน โดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่จะมีผลในวงกว้างต่อการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ได้รับผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2563 โดยมาตรการนี้ครอบคลุมกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง (A1, A2 และ A3) และต้องเป็นโครงการที่มีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ภายใน 12 เดือนหลังออกบัตรส่งเสริม โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ผู้ประกอบการสามารถยื่นขอรับการส่งเสริมได้ตั้งแต่วันทำการแรกของปี 2565 ถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565

นอกจากนี้ ให้ขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) จนถึงวันทำการสุดท้ายของปี 2565 ยกเว้นโครงการที่ตั้งในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษทั้ง 5 แห่ง ได้แก่ เมืองการบินภาคตะวันออก (EECa) เขตนวัตกรรมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EECi) เขตส่งเสริมอุตสาหกรรมและนวัตกรรมดิจิทัล (EECd) ศูนย์นวัตกรรมการแพทย์ครบวงจร ธรรมศาสตร์ (พัทยา) (EECmd) และการแพทย์จีโนมิกส์ มหาวิทยาลัยบูรพา (บางแสน) (EECg) สามารถยื่นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการนี้ได้โดยไม่กำหนดระยะเวลาสิ้นสุดในการยื่นคำขอ

ภายใต้มาตรการอีอีซี โครงการลงทุนในพื้นที่อีอีซีสามารถขอรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมจากหลักเกณฑ์พื้นฐานได้ใน 2 กรณี คือ เกณฑ์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ และเกณฑ์ที่ตั้ง โดยสามารถเลือกดำเนินการทั้งสองเกณฑ์ควบคู่กันเพื่อรับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมสูงสุด หรือเลือกเกณฑ์ใดเกณฑ์หนึ่งก็ได้

กรณีเกณฑ์ด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หากมีการพัฒนาบุคลากรไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โครงการ Work-integrated Learning (WiL) สหกิจศึกษา ทวิภาคี หรือรูปแบบอื่นที่คณะกรรมการเห็นชอบ จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมใน 2 ลักษณะแตกต่างกันตามกลุ่มประเภทกิจการ คือ1) กิจการในกลุ่มที่ได้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติมอีก 3 ปี 2) กิจการในกลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมายและกิจการสนับสนุนจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติม 2 ปี

กรณีเกณฑ์ที่ตั้ง หากตั้งโครงการในเขตส่งเสริมเพื่อกิจการพิเศษ จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม คือ 1) กิจการในกลุ่มที่ได้รับสิทธิยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคล 5-8 ปี จะได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติมอีก 2 ปี 2) กิจการในกลุ่มเทคโนโลยีเป้าหมายและกิจการสนับสนุนจะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 1 ปี นอกจากนี้กรณีตั้งในนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีก 1 ปีด้วย

ที่ประชุมฯ มีมติเห็นชอบให้พื้นที่ย่านนวัตกรรมการแพทย์โยธี ตามประกาศของสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) เป็นเขตส่งเสริมการลงทุน เพื่อสนับสนุนให้ประเทศไทยมีพื้นที่ศูนย์กลางนวัตกรรมและการวิจัยทางการแพทย์ สนับสนุนให้เกิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ รวมถึงการพัฒนานวัตกรรม และแลกเปลี่ยนเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) ระหว่างผู้ประกอบการกับสถาบันหรือหน่วยงานของภาครัฐ เช่น สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ และสถาบันวิจัย เป็นต้น

ทั้งนี้ ผู้ขอรับการส่งเสริมการลงทุนจะต้องมีความร่วมมือ 2 รูปแบบ ประกอบด้วย 1) ความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา ได้แก่ ความร่วมมือในโครงการ Work-integrated Learning (WIL) สหกิจศึกษา และทวิภาคี หรือความร่วมมือเพื่อพัฒนาบุคลากรไทยในด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอื่น ๆ ตามที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน 2) ความร่วมมือกับสถาบันหรือหน่วยงานของภาครัฐ เช่น โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถาบันการศึกษา และสถาบันวิจัย เป็นต้น ในการพัฒนาเทคโนโลยีเชิงลึก (Deep Tech) เช่น MedTech เป็นต้น โดยได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นระยะเวลา 5 ปี เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังมีมติเห็นชอบให้สถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย (Asian Institute of Technology: AIT) และอาคารศูนย์ถ่ายทอดเทคโนโลยีประยุกต์สู่ SMEs สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ณ เทคโนธานี เป็นเขตวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน เพื่อสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่รองรับการลงทุนด้านการวิจัยพัฒนาและการเชื่อมโยงระหว่างภาคอุตสาหกรรมและภาคการวิจัย

โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ เช่น การผลิตชิ้นส่วนระบบราง การผลิตชิ้นส่วนรถไฟฟ้าหรือยานยนต์สมัยใหม่ อุตสาหกรรมและบริการเพื่อสุขภาพ อุตสาหกรรมอาหารแห่งอนาคต อุตสาหกรรมเกษตรสมัยใหม่ อุตสาหกรรมชีวภาพ รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม โดยผู้ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ดังกล่าว จะได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมจากเกณฑ์ปกติ คือ ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เพิ่มเติมอีก 5 ปี หรือยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเป็นเวลา 2 ปี ขึ้นอยู่กับประเภทกิจการ

Back to top button