โบรกคัด 17 หุ้น “Domestic” น่าลงทุน ยก TLI ท็อปพิก เคาะเป้า 20.10 บาท

“บล.โนมูระ พัฒนสิน” คัด 17 หุ้น Domestic น่าลงทุน พร้อมชู TLI ท็อปพิกเดือน พ.ย. คาดงบเติบโตตามบอนด์ยีลด์ที่เพิ่มสูง เคาะราคาเป้าหมาย 20.10 บาท


บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ ประเมินตลาดหุ้นไทยระยะสั้น “Sideways/Up” ตอบรับความเชื่อมั่นเงินเฟ้อและนโยบายการเงินเข้มงวดที่ผ่านจุดเร่ง โดยปัจจัยบวกลุ้นเข้ามาหนุน คือ ผลการเลือกตั้งกลางเทอมสหรัฐฯที่หากสภาบนและสภาล่างพลิกเป็น Republican จะสร้างแรงกกดันต่อการใช้นโยบายการคลังเพื่อสนับสนุนเศรษฐกิจ อาจจะเป็นตัวช่วยลดความร้อนแรงเศรษฐกิจที่ส่งผ่านเงินเฟ้อไปในตัว ก่อนที่หลังจากนี้ คาดตลาดจะติดตามทิศทางเศรษฐกิจมากขึ้น

ทั้งนี้ แม้ระยะสั้นไตรมาส 4/65 ยังเห็นภาพแบบจำลองคาดการณ์ FedAtlanta ปรับเพิ่ม GDP สหรัฐฯงวดไตรมาส 4/65 ขึ้น แต่เชื่อว่าปี 23 ยังเห็นเศรษฐกิจไทยที่เติบโตเด่นกว่า

โดยกลุ่มที่คาดว่าจะเคลื่อนไหวดีกว่าตลาดระยะสั้น คือ กลุ่ม Domestic Plays ได้แก่ CRC, CPALL, MAKRO, BJC, ADVANC, TRUE, INTUCH, ICHI, BBL, SCB, TLI, AMATA, ERW, CENTEL, EKH, SNNP, SISB และกลุ่ม Anti-Commodity ได้แก่ SCGP, GPSC, TOA, EPG, GULF, SAPPE คาดโรงไฟฟ้าเด่นจากทิศทางค่าเงินบาทแข็งค่า

สำหรับการลงทุนระยะกลาง-ยาว กลุ่มที่ยังให้เลือกสะสม ให้เน้นไปที่

1.กลุ่ม High Growth BE8, BBIK, IIG, JMT

หุ้นเด่นเดือน พ.ย. ได้แก่ MAKRO, GPSC, BE8, SCGP, TIDLOR, ICHI, TLI

หุ้นเด่นไตรมาส 4/65 ได้แก่ GPSC, SCGP, BJC, CRC, SCB, TLI, TRUE, BEC, TIDLOR, AMATA ส่วน Mid-Small Cap Play ได้แก่ BE8, ICHI, ERW

 

สำหรับ CPALL ราคาเป้าหมาย 72 บาท โดยมองว่าอยู่ในจุดที่ผลประกอบการฟื้นตัวจากยอดขายสาขาเดิม (SSSG) คาดครึ่งหลังของปีก 65 บวก Double digit จากปีก่อน จากการเปิดเมืองและท่องเที่ยวฟื้นตัวและเปิดสาขาใหม่ทั้งปี 700 แห่ง รวมถึงบริการใหม่ๆ ที่ช่วยเพิ่มทั้งรายได้และอัตรากำไร (Delivery, ตู้กดสินค้า)

พร้อมมองกำไรปกติไตรมาส 3/65 ที่ 3.5 พันล้านบาท (โต 138% จากปีก่อน, โต 14% จากไตรมาสก่อน) จาก SSSG โต 22% จากปีก่อน และอัตรากำไรขึ้นตาม Operating leverage + การปรับราคาสินค้า และคาดกำไรไตรมาส 4/65 เพิ่มต่อเทียบกับปีก่อนและไตรมาสก่อน กำไรปี 65-66 อยู่ที่ราว 1.48 หมื่นล้านบาท (โต 14% จากปีก่อน)/ 2.15 หมื่นล้านบาท (โต 45% จากปีก่อน) กำไรปี 66 โตเด่นทั้งจาก 7-11 และ MAKRO * Lotus ฟื้นตัวและคาดหวัง Synergy หลังปีนี้ปรับโครงสร้างทั้งการจัดการและด้านการเงิน

ขณะที่ช่วงไตรมาส 4 เริ่มเข้า High season ที่พิเศษกว่าทุกปี เพราะแรงอั้นเปิดเมืองกับท่องเที่ยว และวันหยุดยาวเยอะสร้างยอดสูง (ต.ค. ยอดดี + พ.ย. มีประชุม APEX และมีบอลโลก ช่วงเวลาถ่าย Prime time 5 โมง – ตี 2 + ธ.ค. ช็อปช่วยชาติ)

ด้าน GPSC ราคาเป้าหมาย 84 บาท โดยมองว่าเป็นผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าที่มีความต่อเนื่องของธุรกิจและมีธุรกิจ Battery หนุน พร้อมเติบโต Megatrend จากทั้ง EV, โรงไฟฟ้า renewable และโรงงานอุตสาหกรรม คาดกำไรปกติไตรมาส 3/65 ที่ 315 ล้านบาท ลดลงจากปีก่อน และไตรมาสก่อน จากแรงฉุด GPM จากราคาขายไฟที่ปรับตาม Ft ขึ้นช้า ยังไม่พอชดเชยต้นทุน โดยประเมินกำไร 65-66 ของ GPSC อยู่ที่ 2.3 พันล้านบาท (-72% จากปีก่อน), 5.6 พันล้านบาท (+182% จากปีก่อน) ตามลำดับ ระยะสั้นมองผลกระทบต้นทุนที่เพิ่มจากต้นทุนพลังงานผ่านจุดพีค และแนวโน้มกำไรจะเริ่มฟื้นตัวจากไตรมาสก่อนจากโครงการใหม่, การปรับขึ้นค่า Ft

รวมถึง TLI ราคาเป้าหมาย 20.10 บาท โดยมองว่า TLI มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นลำดับ 2 ของอุตสาหกรรมประกันชีวิตในไทย มีจุดเด่นด้านเครือข่ายตัวแทนที่แข็งแกร่ง มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย และ VONB margin มีแนวโน้มสูงขึ้นช่วยเพิ่มมูลค่า VONB, EV ในอนาคต และได้ประโยชน์จาก Bond yield ขาขึ้น ประกอบกับธุรกิจประกันชีวิตในไทยยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ในอนาคตมีโอกาสขยายธุรกิจในช่องทางธนาคาร รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน และคาดกำไรเติบโต 14.6% CAGR ในปี 65-67

ทั้งนี้ Bond yield 10 ปี สหรัฐ ยังอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น ล่าสุดที่ 4.2% ซึ่ง Bond yield ขึ้นจะเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มฯ ทั้งในเชิง รายได้การลงทุน โดยโนมูระฯ คาด TLI มีโอกาสเข้า Global Standard Index 2 ดัชนี ในช่วงใกล้เคียงกัน โดยจะเข้า MSCI (ประกาศ 10 พ.ย. + มีผลราคาปิด 30 พ.ย. คาดเม็ดเงิน 70 ล้านเหรียญฯ) และเข้า FTSE (ประกาศ 18 พ.ย. + มีผล 16 พ.ย. คาดเม็ดเงิน 80 ล้านเหรียญ)

Back to top button