
‘จีน’ สู่เป้าหมาย GDP ใหม่
สถาบันการเงินหลายแห่ง กำลังพิจารณาการเรียกร้องของจีนอีกครั้ง หลังการสงบศึกชั่วคราวเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า ที่สร้างเซอร์ไพรส์
สถาบันการเงินหลายแห่ง กำลังพิจารณาการเรียกร้องของจีนอีกครั้ง หลังการสงบศึกชั่วคราวเกี่ยวกับข้อตกลงการค้า ที่สร้างเซอร์ไพรส์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่ง ทำให้ทั้งคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีน และแนวโน้มตลาดหุ้นปรับเพิ่มสูงขึ้น
ต้นสัปดาห์ (12 พ.ค.) ที่ผ่านมา สหรัฐฯ และจีน บรรลุข้อตกลงที่จะหยุดการเรียกเก็บภาษีศุลกากรกับสินค้าส่วนใหญ่ของกันและกันชั่วคราวเป็นเวลา 90 วัน
-สหรัฐฯ : ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน จากเดิม 145% เหลือ 30%
-จีน: ลดภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จากเดิม 125% เหลือ 10%
สถานการณ์ดังกล่าว ถือเป็นการคลี่คลายความตึงเครียด ระหว่างสองประเทศลงอย่างมีนัยสำคัญ หลังจากการตอบโต้กันที่เกิดขึ้น จากกรณีประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้ เมื่อวันที่ 2 เม.ย. 68 ทำให้ธนาคารหลายแห่ง ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีนลง
ล่าสุดสถาบันการเงินหลายแห่ง กำลังปรับปรุงคาดการณ์การเติบโตของเศรษฐกิจจีน โดย UBS ระบุว่าการเติบโตของ GDP ปี 2568 อาจพุ่งขึ้นเป็น 3.7-4% สูงขึ้นจากกรณีฐานก่อนหน้านี้ที่ 3.4% เนื่องจากการลดระดับความตึงเครียดจากสงครามการค้าอาจส่งผลให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของจีน “ได้รับผลกระทบลดลงเล็กน้อย”
Morgan Stanley เตรียมมีการปรับเพิ่มคาดการณ์ GDP จีนรายไตรมาสระยะใกล้นี้ โดยคาดการณ์ว่าหลายบริษัทอาจพยายามเร่งการส่งออกเพื่อใช้ประโยชน์จากอัตราภาษีศุลกากรที่ลดลง
โดยนักวิเคราะห์หลายคนของ Morgan Stanley ระบุว่า “แม้ภาษีนำเข้าจะยังสูง แต่ช่วงเวลาที่หยุดชะงักอาจส่งผลให้มีการส่งออกและการผลิตที่มากขึ้น”
Robin Xing หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จีน ระบุว่า GDP ช่วงไตรมาส 2/68 ของจีน อาจออกมาสูงกว่าประมาณการปัจจุบันที่ 4.5% และการเติบโตไตรมาส 3/68 จะบ่งชี้ให้เห็นถึงความยืดหยุ่นที่ฟื้นตัวกลับได้ชั่วคราว โดยคาดการณ์ว่าจะสูงกว่า 4% จากเดิม Morgan Stanley ประเมินว่า การเติบโตอาจชะลอตัวลงมาอยู่ที่ประมาณ 4%
ANZ Bank (The Australia and New Zealand Banking Group Limited) ประเมินว่า GDP จีนปีนี้ อาจออกมาสูงกว่า 4.2% หลังจาก ANZ ที่มีสำนักงานใหญ่ในออสเตรเลีย ปรับลดประมาณการลงมาที่ 4.2% จาก 4.8% ช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา
เช่นเดียวกับ Natixis วาณิชธนากรสัญชาติฝรั่งเศส ประเมินว่า ปีนี้ GDP ของจีน จะเติบโตอยู่ที่ 4.5% เพิ่มขึ้นจากกรณีฐาน 4.2% หากว่า มีการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกมากขึ้นและปรับลดภาษีศุลกากรเพิ่มเติม หลังจากที่บริษัทปรับลดประมาณการ GDP จีน ลงเหลือ 4.2% จาก 4.7% เมื่อต้นเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
จากมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มการเติบโตของเศรษฐกิจ กำลังทำให้มุมมองแนวโน้มตลาดหุ้นจีนดีขึ้น โดยบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ (Nomura) ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้นจีนเป็น Overweight เชิงกลยุทธ์ และปรับลดสถานะกองทุนบางส่วนออกจากอินเดียสู่จีนมากขึ้น