CGSI หั่นเป้า “แบงก์ไทย” ชี้กำไรไตรมาส 2 หดตัว แนะถือ SCB-KTB ชูปันผลสูง-งบดุลแกร่ง

CGSI คาดกลุ่มธนาคารมีกำไรสุทธิ Q2/68 ลดลง 6.3% จากปีก่อน และ 14.1% จากไตรมาสก่อน หลัง NIM หด-สินเชื่อโตต่ำ แนะจับตา SCB-KTB เด่นจากเงินปันผลสูง งบดุลแข็งแกร่ง


ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI เปิดเผยบทวิเคราะห์แนวโน้มผลประกอบการของกลุ่มธนาคารพาณิชย์ไทยในไตรมาส 2/2568 โดยประเมินว่าธนาคาร 8 แห่ง ได้แก่ BBL, CREDIT, KBANK, KKP, KTB, SCB, TISCO และ TTB จะมีกำไรสุทธิรวมราว 51,000 ล้านบาท ลดลง 6.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน (yoy) และลดลง 14.1% จากไตรมาสก่อน (qoq) โดยมีกำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) รวม 108,000 ล้านบาท ลดลง 8.8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 10.3% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ยอดสินเชื่อรวมคาดว่าจะหดตัว 2.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 1.4% จากไตรมาสก่อน

CGSI ระบุว่า สินเชื่อที่มีแนวโน้มเติบโตในไตรมาสนี้ คือสินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่ จากกระแสรีไฟแนนซ์หนี้และหุ้นกู้ ขณะที่ธนาคารยังคงระมัดระวังในการปล่อยสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย โดยเน้นปล่อยกู้กลุ่มลูกค้าที่มีรายได้สูงในกลุ่มสินเชื่อที่อยู่อาศัยและบัตรเครดิต

ทั้งนี้ การที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 50 จุดเบี้ยฐานในช่วงวันที่ 1 มกราคม – 30 เมษายน 2568 ทำให้อัตราดอกเบี้ย benchmark ของอุตสาหกรรมธนาคารอยู่ในระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2567 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลง โดยคาดว่าในไตรมาส 2/2568 NIM จะอยู่ที่ 3.24% ลดลง 34bps จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 12bps จากไตรมาสก่อน ส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิหดตัว 8.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และ 3.6% จากไตรมาสก่อน

ด้านรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย คาดว่าจะเติบโต 7.9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลง 7.6% จากไตรมาสก่อน จากกำไรในการลงทุนและเครื่องมือทางการเงิน อย่างไรก็ตาม CGSI ประเมินว่า ธนาคารหลายแห่งอาจทยอยปรับลดเป้าหมายทางการเงินปี 2568 หลังประกาศผลประกอบการในวันที่ 21 กรกฎาคมนี้ โดยมีปัจจัยเสี่ยงสำคัญ ได้แก่ สินเชื่อที่เติบโตต่ำกว่าคาด การลดดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มเติม และอัตราการตั้งสำรองหนี้ที่ยังสูงเมื่อเทียบรายปี

แม้จะมีแรงกดดันหลายด้าน แต่ CGSI มองว่าธนาคารยังคงมีศักยภาพในการจ่ายเงินปันผลสูงจากฐานเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง พร้อมคงคำแนะนำ “Neutral” ต่อกลุ่มธนาคาร โดยประเมินว่า PPOP จะเติบโตช้าในอัตรา -6.0%, +3.3% และ +4.3% ตามลำดับในปี 2568-2570 โดยเลือก SCB และ KTB เป็นหุ้นเด่น (Top pick) จากอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่อยู่ในช่วง 5.9-8.3% ต่อปี คุณภาพสินทรัพย์ที่ดี และฐานะการเงินมั่นคง

อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงที่อาจกระทบกลุ่มธนาคาร คือการเพิ่มขึ้นของหนี้เสีย (NPL) และท่าทีของ ธปท. ต่อดอกเบี้ยนโยบาย ขณะที่ปัจจัยหนุนอาจมาจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เพิ่มขึ้น การบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว รวมถึงแรงกระตุ้นจากโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล และการคลี่คลายของความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์

Back to top button