
Google จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ.!?
การเสนอซื้อกิจการเบราว์เซอร์ Chrome ของ Google ด้วยราคา 34,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ Perplexity AI ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งสำหรับ Google ยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต
การเสนอซื้อกิจการเบราว์เซอร์โครม (Chrome) ของกูเกิล (Google) ด้วยราคา 34,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐของเพอร์เพล็กซิตี้เอไอ (Perplexity AI) ช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญยิ่งสำหรับ Google ยักษ์ใหญ่ด้านการค้นหาทางอินเทอร์เน็ต เพียงหนึ่งสัปดาห์ก่อนการฉลองครบรอบ 20 ปีของการเสนอขายหุ้น IPO เท่านั้นเอง
แม้นักวิเคราะห์ทั้งหลาย ไม่ได้ให้ความสำคัญกับข้อเสนอนี้มากนัก แต่ว่าการตัดสินใจของ Perplexity ถือเป็นจุดเปลี่ยนและเป็นครั้งแรก ที่บุคคลภายนอกได้ใช้ความพยายามอย่างเปิดเผยและเฉพาะเจาะจงเช่นนี้ ในการถอดเอาส่วนสำคัญ ของ Google ออกไป
ขณะนี้กำลังรอคำตัดสินจากผู้พิพากษาว่า จำเป็นต้องดำเนินการหลายขั้นตอนในการขายกิจการครั้งใหญ่นี้ หรือไม่ หลังจากคำตัดสินเมื่อปีที่ผ่านมา ที่ระบุว่า บริษัท Google ได้ผูกขาดตลาดการค้นหาหลัก
คำตัดสินนี้ถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นคำตัดสินต่อต้านการผูกขาดที่สำคัญสุดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี นับ ตั้งแต่ คดีฟ้องร้องไมโครซอฟท์ (Microsoft) เมื่อกว่าสองทศวรรษก่อน ทั้งนี้กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) ที่ยื่นฟ้อง Google เมื่อปี 2563 ระบุหลังจากชนะคดีในศาลว่า กำลังพิจารณาการแยกส่วนของ Google ออกมาเพื่อเป็นการแก้ปัญหาการผูกขาด
หลังจากนั้นไม่นาน DOJ ได้เรียกร้องอย่างชัดเจนให้ Google ขายกิจการ Chrome เพื่อสร้างการแข่งขันที่เท่าเทียมกันมากขึ้นสำหรับคู่แข่งด้านการค้นหาหลาย ๆ บริษัท ปัจจุบัน Google รวมบริการการค้นหาและบริการอื่น ๆ ไว้ใน Chrome และติดตั้งเบราว์เซอร์ไว้ล่วงหน้าบน Chromebook
Kent Walker หัวหน้าฝ่ายกฎหมาย Google ตอบกลับ DOJ ว่า “แนวทางของ Google จะส่งผลให้เกิดการแทรกแซงของรัฐบาลที่รุนแรงเกินไป อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนและกระทบต่อความพยายามของสหรัฐฯ ด้านการรักษาความเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี
ด้วยคำตัดสินเกี่ยวกับมาตรการแก้ไขที่คาดว่าจะเกิดขึ้นช่วงเดือนนี้ บรรดานักลงทุนจึงมีสิ่งที่ต้องพิจารณามากมายเกี่ยวกับมูลค่าในอนาคตของ Google และอัลฟาเบท (Alphabet) ในฐานะบริษัทแม่ โดยบริษัทกำลังทุ่มเงินหลายหมื่นล้าน ดอลลาร์สหรัฐต่อปีให้กับโครงสร้างพื้นฐานด้านปัญญาประดิษฐ์และบริการ AI ต่าง ๆ ขณะที่กำลังเผชิญกับความเสี่ยงที่ผู้บริโภคทั้งหลายจะใช้เวลาน้อยลงในการค้นหาแบบดั้งเดิม เนื่องจาก ChatGPT และทางเลือกอื่น ๆ ที่ขับเคลื่อนด้วย AI นำเสนอวิธีการใหม่ ๆ หลายอย่างในการเข้าถึงข้อมูล
แม้ Alphabet พึ่งโฆษณาที่เกี่ยวข้องกับการค้นหาเป็นรายได้ส่วนใหญ่ แต่บริษัทได้กระจายความเสี่ยงไปในหลายธุรกิจช่วงทศวรรษที่ผ่านมา โดยเดือนต.ค.นี้จะครบรอบ 10 ปีนับตั้งแต่ก่อตั้ง Alphabet ในฐานะบริษัทโฮลดิ้ง โดยมี Google เป็นบริษัทลูกที่เป็นแกนหลัก
Larry Page ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทกล่าวผ่านบล็อกโพสต์ขณะนั้นว่า “โครงสร้างใหม่นี้จะช่วยให้เราสามารถมุ่งเน้นไปที่โอกาสพิเศษต่าง ๆ อันยอดเยี่ยมที่เรามีภายใน Google ได้อย่างเต็มที่”
โดย Larry Page เลื่อนตำแหน่งจาก CEO ของ Google มาเป็น CEO ของ Alphabet และขยับตำแหน่ง Sundar Pichai ที่เคยดำรงตำแหน่งรองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจอินเทอร์เน็ตให้มาบริหาร Google และ 4 ปีต่อมา Sundar Pichai เข้ามาแทนที่ Larry Page ในตำแหน่ง CEO ของ Alphabet
ภายใต้การบริหารของ Sundar Pichai มูลค่าตลาด Alphabet เพิ่มขึ้นมากกว่า 150% มาเป็น 2.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมสถานะอำนาจเหนือตลาดอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้น นั่นทำให้ Sundar Pichai และทีมงานต้องมองหาช่องทางการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้าน AI ขณะเดียวกันต้องรับมือกับหน่วยงานกำกับดูแลที่เข้มงวดในสหรัฐอเมริกา และยุโรป