“ต่างชาติ” ทุ่มลงทุนไทย 9 เดือนแรก 2.53 แสนลบ. “สิงคโปร์” เบียด “ญี่ปุ่น” ขึ้นเบอร์หนึ่ง

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผย 9 เดือนแรกปี 68 ต่างชาติขออนุญาตลงทุนในไทย 770 ราย รวมมูลค่า 2.53 แสนล้านบาท “สิงคโปร์” ขึ้นแท่นผู้นำด้านมูลค่าการลงทุน แซง “ญี่ปุ่น” ซึ่งยังครองจำนวนรายสูงสุด


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (16 ต.ค.68) นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 เปิดเผยว่า ในช่วง 9 เดือนแรกปี 2568 (มกราคม–กันยายน) มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ. 2542 จำนวน 770 ราย

โดยเป็นการลงทุนผ่านการขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 201 ราย และการขอ หนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว 569 ราย รวมมูลค่าเงินลงทุน 253,116 ล้านบาท

ต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่

  1. ญี่ปุ่น 142 ราย มูลค่า 76,397 ล้านบาท
  2. สหรัฐอเมริกา 116 ราย มูลค่า 4,368 ล้านบาท
  3. สิงคโปร์ 108 ราย มูลค่า 86,550 ล้านบาท
  4. จีน 99 ราย มูลค่า 21,925 ล้านบาท
  5. ฮ่องกง 82 ราย มูลค่า 12,624 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ญี่ปุ่นยังคงครองแชมป์ด้าน “จำนวนราย” มากที่สุด ขณะที่สิงคโปร์แซงขึ้นเป็น “อันดับหนึ่งด้านมูลค่าเงินลงทุน”

กรมพัฒนาธุรกิจการค้าฯ ระบุว่า การลงทุนดังกล่าว ช่วยสร้างการจ้างงานคนไทย 5,132 คน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจเด่นที่ต่างชาติสนใจ ได้แก่ บริการรับจ้างผลิตสินค้า ชิ้นส่วนยานยนต์ ไฟฟ้า–อิเล็กทรอนิกส์ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ และศูนย์ข้อมูล (Data Center)

ขณะเดียวกัน นักลงทุนส่วนใหญ่ลงทุนผ่าน โครงการส่งเสริมการลงทุนของ BOI จำนวน 377 ราย คิดเป็น 49% ของทั้งหมด มูลค่า 199,699 ล้านบาท ครอบคลุมอุตสาหกรรมเป้าหมาย “Future Industries” เช่น เทคโนโลยีขั้นสูง ดิจิทัล AI ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด และเกษตร–อาหาร โดยธุรกิจที่ได้รับอนุญาตสูงสุด ได้แก่ 1. บริการรับจ้างผลิตสินค้า (โลหะ–พลาสติก–ชิ้นส่วนยานยนต์) 2. กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน (TISO) และ 3. บริการด้านคอมพิวเตอร์ ซอฟต์แวร์ และ Data Center

พื้นที่ EEC (ชลบุรี–ระยอง–ฉะเชิงเทรา) มีนักลงทุนต่างชาติเข้ามา 222 ราย เพิ่มขึ้นจากปีก่อน มูลค่า 82,264 ล้านบาท คิดเป็น 33% ของเงินลงทุนทั้งหมด โดยนักลงทุนหลักได้แก่ ญี่ปุ่น 52 ราย มูลค่า 28,919 ล้านบาท, จีน 55 ราย มูลค่า 15,665 ล้านบาท และสิงคโปร์ 26 ราย มูลค่า 15,853 ล้านบาท ซึ่งธุรกิจที่ได้รับอนุญาตส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับ การผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ วิศวกรรมซอฟต์แวร์ แพลตฟอร์มดิจิทัล และ Data Center

เฉพาะเดือนกันยายน 2568 มีการอนุญาตให้นักลงทุนต่างชาติ 83 ราย เข้ามาประกอบธุรกิจในไทย มูลค่ารวม 27,580 ล้านบาท ส่วนใหญ่จาก ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน มีการจ้างงานคนไทย 237 คน พร้อมถ่ายทอดเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น ระบบขุดเจาะปิโตรเลียม ระบบ IT และเทคโนโลยีการผลิตขั้นสูง

นายพูนพงษ์ กล่าวสรุปว่า การเพิ่มขึ้นของการลงทุนสะท้อนถึง ความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อเศรษฐกิจไทย ภายใต้นโยบายดึงดูดการลงทุนของรัฐบาล โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมอนาคตและพื้นที่ EEC ที่ยังคงเป็น ฐานศักยภาพสำคัญของประเทศ

Back to top button