
MINT โหมโรงข่าวดี.!
ระหว่างเคานต์ดาวน์นับถอยหลังรองบไตรมาส 3/2568 ของ MINT ซึ่งตามไทม์ไลน์ถูกคาดการณ์จะแจ้งงบในวันที่ 13 พ.ย. 2568 นี้...
ระหว่างเคานต์ดาวน์นับถอยหลังรองบไตรมาส 3/2568 ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งตามไทม์ไลน์ถูกคาดการณ์จะแจ้งงบในวันที่ 13 พ.ย. 2568 นี้…
MINT ก็โหมโรงข่าวดีมาแต่หัววัน ด้วยการแจ้งชนะคดีข้อพิพาทของสองบริษัทลูก นำโดยบริษัท ไมเนอร์ โฮเทล กรุ๊ป จํากัด และ MHG IP Holding (Singapore) Pte. Ltd. กับ Al Samrya Hospitality & Services Co. W.L.L. (Al Samrya) ซึ่งเป็นคู่สัญญาเกี่ยวกับสัญญาบริหารโรงแรม และสัญญาอนุญาตให้ใช้เครื่องหมายการค้าสําหรับโรงแรมที่บริหารภายใต้แบรนด์ของบริษัทในกรุงโดฮา ประเทศกาตาร์
หลังคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศสิงคโปร์ (SIAC) มีคำสั่งให้ Al Samrya ชําระเงินแก่บริษัทลูกของ MINT เป็นจํานวนเงิน 21,719,543 ดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 706 ล้านบาท และ 45,069 บาท สําหรับค่าธรรมเนียมที่ค้างชําระและค่าเสียหาย (รวมถึงดอกเบี้ยสะสม) รวมถึงค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับข้อพิพาท ซึ่งเกินกว่า 3 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 98 ล้านบาท โดยคณะอนุญาโตตุลาการมีคําสั่งให้คํานวณอัตราดอกเบี้ย 7% ต่อปีแบบทบต้น จนกว่าจะชําระเงินครบถ้วน
ขณะที่คณะอนุญาโตตุลาการได้ปฏิเสธข้อเรียกร้องโต้แย้งทั้งหมดของ Al Samrya ในกระบวนการอนุญาโตตุลา การดังกล่าว คําชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการนี้ถือเป็นที่สุดและไม่สามารถอุทธรณ์ได้
แต่เนื่องจาก Al Samrya ยังไม่ชำระเงินภายในระยะเวลาที่กำหนด บริษัทลูกของ MINT จึงต้องใช้ไม้แข็งยื่นศาลในประเทศกาตาร์ ตามกระบวนการแพ่ง เพื่อให้ดำเนินการบังคับใช้ตามคำชี้ขาดของ SIAC รวมทั้งจะฟ้องอาญา เนื่องจาก Al Samrya ไม่ปฏิบัติตามคำชี้ขาดและอาจมีการโอนหรือซ่อนเร้นทรัพย์สิน
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาดำเนินการเรียกร้องสิทธิในเขตอำนาจศาลอื่น ๆ ที่ Al Samrya และ/หรือ ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวมีสินทรัพย์อยู่อีกด้วย
โอเค…แม้กระบวนการของศาลคงต้องใช้เวลาอีกสักพักใหญ่ ๆ แต่หากปิดคดีนี้ได้เมื่อไหร่..?? นั่นเท่ากับว่า MINT มีโอกาสบุ๊กกำไรพิเศษเข้ามานะสิ ซึ่งจะเป็นไตรมาสไหน..?? ปีไหน..?? ไม่รู้ ๆ
แต่ที่รู้…ในไตรมาสนั้นและปีนั้น น่าจะเห็นกำไร MINT โป่งพองอยู่หนา..!?
ก็เป็นสตอรี่เชิงบวกที่รออยู่ของ MINT…
แต่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ ถ้าไปส่องผลประกอบการในไตรมาส 3/2568 แม้ถูกประเมินว่าไม่ได้เริ่ดหรูอลังการ แต่จะเห็นการเติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในส่วนของกำไรหลักหรือกำไรปกติจะอยู่ในกรอบ 2,700-2,900 ล้านบาท เติบโต 5-10% ส่วนตัวเลขบรรทัดสุดท้ายหรือกำไรสุทธิน่าจะอยู่ที่ 2,800 ล้านบาท เติบโตราว 6%
ปัจจัยหนุนหลัก ๆ มาจากธุรกิจโรงแรมในยุโรปยังแข็งแกร่ง คาดอัตรารายได้ต่อห้องพัก (RevPar) เติบโต 3%, มัลดีฟส์เติบโต 13%, ออสเตรเลียเติบโต 6% ช่วยชดเชย RevPar โรงแรมในไทยที่อ่อนแอ และจะได้ประโยชน์จากดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ รวมทั้งจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรธุรกิจ Pop Mart ที่เติบโตต่อเนื่อง
ขณะที่ธุรกิจอาหารจะทรงตัว โดยจะเติบโตเป็นตัวเลขต่ำหลักเดียว 1-2% ในออสเตรเลีย, เติบโต 6-7% ในจีน ส่วนธุรกิจร้านอาหารในไทยคาดจะทรงตัว
ส่วนแนวโน้มในไตรมาส 4/2568 คาดจะเห็นกำไรปกติเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง จากยอด Booking ในยุโรปที่โต 3-5%, ไทยโต 7-8% และมัลดีฟส์โตตัวเลขสองหลัก แต่จะลดลงจากไตรมาสก่อน เพราะผ่านช่วงไฮซีซั่นของยุโรปไปแล้ว
ทำให้นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มีมุมมองเชิงบวกกับ MINT โดยแนะนำ “ซื้อ” ให้เป้าหมายสูงสุดที่ 38.00 บาท
ก็ยังมีอัพไซด์ให้เล่นอีกเพียบ…
อืม…หรือใครเห็นต่างมองว่ายังไม่เข้าตา ก็ไม่ว่ากัน…
เลือกที่สบายใจละกัน…
…อิ อิ อิ…