
MMM เด้ง 7% รับผู้บริหารซื้อเพิ่ม 3 ล้านหุ้น หนุนความเชื่อมั่น-โบรกชี้กำไรโตเฉลี่ยปีละ50%
MMM เด้ง 7% หลังผู้บริหารใหญ่ “สุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล” เก็บหุ้นเพิ่ม 3 ล้านหุ้น ที่ราคา PO ตอกย้ำความเชื่อมั่นศักยภาพธุรกิจ พร้อมประกาศชัด “MMM คือบริษัท Service ที่เทรดใน Sector Property” ขณะนักวิเคราะห์มองเป้า 10 บาท หนุนแนวโน้มกำไรโตเฉลี่ยปีละกว่า 50%
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (13 พ.ย. 68) ราคาหุ้น บริษัท เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล จำกัด (มหาชน)หรือ MMM ณ เวลา 11:20 น. อยู่ที่ระดับ 3.54 บาท บวก 0.24 บาท หรือ 7.27% สูงสุดที่ระดับ 3.72 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 3.28 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 76.53 ล้านบาท

ทั้งนี้ ราคาหุ้น MMM ปรับตัวขึ้นหลังบริษัทแจ้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รายงานการเปลี่ยนแปลงการถือหลักทรัพย์ของผู้บริหาร (แบบ 59) โดยปรากฏชื่อ นายสุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล ประธานเจ้าหน้าที่สายงานพัฒนาธุรกิจ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ก่อตั้ง MMM ดำเนินการซื้อหุ้นเพิ่มจำนวน 3,000,000 หุ้น ที่ราคาเฉลี่ย 5.50 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 16.50 ล้านบาท เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2568 ซึ่งเป็นวันแรกของการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai)
ภายหลังการซื้อหุ้นดังกล่าว ส่งผลให้จำนวนหุ้นที่นายสุริยาถือครองเพิ่มเป็น 8,500,000 หุ้น โดยกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ได้แก่ นางสาวณิชา โรจน์วัฒนา และ นายสุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ก่อตั้ง ได้ประกาศ Lock up หุ้นทั้งหมด 100% เป็นเวลา 1 ปี เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน
นายสุริยา วงศ์สิทธิชัยกุล เปิดเผยในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้ก่อตั้งว่า เชื่อมั่นในศักยภาพความแข็งแกร่งของ MMM รวมถึงเห็นโอกาส การต่อยอดและการเติบโตทางธุรกิจในอนาคต พร้อมประกาศย้ำชัด “MMM คือบริษัท Service ที่เข้ามาเทรดใน Sector Property” โดยในปีนี้บริษัทฯ มั่นใจว่าผลการดำเนินงานจะสามารถเติบโตแบบก้าวกระโดด และสามารถสร้าง “All Time High” ได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยจะเห็นได้จากผลประกอบการงวดล่าสุด 9 เดือนแรกของปี 2568 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 102.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 155.84% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา (YoY) คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิเท่ากับ 18.33% และมีรายได้จากการขายและบริการรวม 561.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 171.51% (YoY) แสดงให้เห็นถึงประสิทธิภาพของโมเดลธุรกิจและความต้องการในบริการของบริษัทที่ยังมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง
จากปัจจัยในข้างต้น ส่งผลให้ตัดสินใจซื้อหุ้นเพิ่มในจำนวนดังกล่าว ดังนั้นในฐานะผู้ถือใหญ่จึงอยากให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนเชื่อมั่นทีมคณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ที่จะนำพาองค์กรสู่ความสำเร็จ ภายใต้การขับเคลื่อนธุรกิจตามแผนการระดมทุนที่วางไว้ เพื่อสร้างผลตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนในระยะยาว
ด้านนางสาวณิชา โรจน์วัฒนา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็มเอ็มเอ็ม แคปปิตอล “MMM” เปิดเผยว่า ภายหลังจากที่บริษัทฯ ระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ แล้วเสร็จในช่วงที่ผ่านมา ล่าสุดบริษัทฯ เร่งเดินหน้าขยายการลงทุนอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุน จำนวน 287.10 ล้านบาท ไปขยายการลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ทั้ง ที่ปรึกษางานขายโครงการ (BU1) โดยเป็นตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ให้กับเจ้าของโครงการ การบริหารงานขายโครงการ (BU2) เป็นตัวแทนขายและรับประกันการขายแต่เพียงผู้เดียว และให้บริการบริหารงานขาย แบบวางหลักประกันการซื้อ (Hybrid) และการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ (BU3) ภายใต้แนวคิด”เพื่อนคู่คิด นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์” ที่มีเครือข่ายนายหน้าอิสระขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นหัวใจหลักในการดำเนินธุรกิจ ที่เชื่อมถึงกลุ่มลูกค้า รวมถึงการมีทรัพย์พร้อมขายโดยไม่มีต้นทุนพัฒนาโครงการ ไม่ต้องรอระยะเวลาพัฒนา ไม่ต้องรับประกันและให้บริการหลังการขาย ที่สำคัญสามารถเลือกทรัพย์ที่พร้อมขายและทำเล ที่ต้องการได้ และสามารถบริหารหลายโครงการพร้อมกันทั่วประเทศ
โดยบริษัทฯ วางกลยุทธ์ขับเคลื่อนธุรกิจในช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2568 โดยเชื่อมั่นว่าความสำเร็จ ในการนำเอารูปแบบโมเดล 3 ธุรกิจการให้บริการหลัก ได้แก่ “ธุรกิจ Pre AMC-ธุรกิจโบรกเกอร์อสังหาฯ และธุรกิจมินิมาร์ทอสังหาฯ” จะสร้างรายได้การเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะนอกจากจะตอกย้ำประสบการณ์การเป็นผู้นำด้านตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ ภายใต้การให้บริการที่ปรึกษาด้านการขายและการตลาดแก่ผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาฯ และซื้อขายอสังหาฯ แบบครบวงจร ยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว ด้วยกลยุทธ์ Pre-AMC ที่มุ่งเน้นการสร้างผลตอบแทนสูงผ่านการบริหารจัดการทรัพย์สินก่อนเข้า สู่กระบวนการ AMC เพื่อลดต้นทุน จะสามารถเพิ่มมาร์จิ้น และเสริมสภาพคล่องให้กับผู้ประกอบการที่กำลังเผชิญปัญหาทางการเงิน โดยการวางตำแหน่งของบริษัทในการเป็น “มินิมาร์ท อสังหาริมทรัพย์” ในการเป็นคนกลาง เชื่อมระหว่างผู้พัฒนาโครงการ และนายหน้าอิสระขนาดใหญ่
อย่างไรก็ตาม จากความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องของ MMM ส่งผลให้บริษัทฯ วางเป้าขยายพอร์ตอสังหาริมทรัพย์ แตะระดับ 10,000 ล้านบาท ภายใน 3 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจากับ Developer รายใหม่อีกหลายราย ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งหากสามารถปิดดีลได้ จะช่วยเพิ่มความหลากหลายของโครงการ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับธุรกิจในระยะยาว
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 10 บาท ณ สิ้นปี 2569 อิง PE 13.3 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ย PE หุ้นอสังหาฯ ขนาดกลางถึงเล็กในไทย สะท้อนถึงแนวโน้มการเติบโตรายได้ และกำไรในอนาคต “MMM” เป็นตัวแทนขายอสังหาฯ รูปแบบใหม่มีต้นทุนต่ำ ใช้เงินลงทุนน้อยมีความเสี่ยงต่ำ โดยเป็นตัวกลาง ไม่ต้องแบกรับภาระต้นทุน และความเสี่ยงจากการพัฒนาเลือกทรัพย์ที่สร้างเสร็จแล้ว พร้อมทำการตลาดได้ทันที และมีฐานะการเงินแข็งแกร่งมีสภาพคล่องสูง สร้างรายได้ได้ทันที ไม่ต้องรอการพัฒนา ศักยภาพการทำกำไรโดดเด่น ทำให้มองว่า Business Model นี้สร้างผลการดำเนินงานเติบโตต่อเนื่อง โดยคาดการณ์การเติบโตของ MMM ว่าจะมีรายได้/กำไรเติบโตเฉลี่ย 3 ปี ได้ที่ระดับ 51-52% (2568-2570) จะมาจากการเติบโตของกลุ่ม BU1 และ BU2 ในขณะที่อัตรากำไรสุทธิเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 22 ต่อปี และ ROE ระดับสูงร้อยละ 21.6 ซึ่งมีความโดดเด่นกว่าอุตสาหกรรม
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประเมินราคาเหมาะสมที่ 10 บาท ณ สิ้นปี 2569 โดยมองว่า ในปัจจุบันยังไม่มีคู่เทียบบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจตัวแทนการขายอสังหาริมทรัพย์ใกล้เคียงกับ MMM ทั้งนี้มองว่าบริษัทควรเทรดใกล้เคียงระดับ PER กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างที่ปัจจุบันเทรดราว 14 เท่า เนื่องจากยังอยู่ในช่วงของการเติบโต โดยมีโอกาสขยายตัวเพิ่มขึ้นภายหลัง PO ตามกลยุทธ์การขยายเครือข่ายและ Portfolio มากขึ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิ ปี 2568 ที่ 150 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86%จากปีก่อนหน้า และปี 2569 ที่ 214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 42% จากปีก่อนหน้า

