
เข้าเขตที่ต้องซื้อ
ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดดราม่าเกี่ยวกับคำพูดของนายกฯ หนู ซึ่งพูดถึงความขัดแย้งกับเขมร พร้อมกับเลยเถิดไปถึงเรื่องภาษีทรัมป์
ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมาเกิดดราม่าเกี่ยวกับคำพูดของนายกฯ หนู ซึ่งพูดถึงความขัดแย้งกับเขมร พร้อมกับเลยเถิดไปถึงเรื่องภาษีทรัมป์ จนหลายคนออกมาเม้าท์กันยกใหญ่ แต่สุดท้ายกลายเป็นว่า สหรัฐฯ ไม่ต้องการเอาเรื่องภาษีมาบีบประเทศไทย และยังเก็บภาษี 19% เท่าเดิม รวมทั้งเรียกร้องให้ทั้ง 2 ประเทศที่มีการปะทะเกิดขึ้นประปราย ให้กลับเข้าสู่วงเจรจากันอีกครั้งแบบนี้..คลายกดดันไปเยอะเลยนะคะ
เมื่อสถานการณ์หลายอย่างไม่แย่เหมือนที่กังวล “โมนิก้า” ย่อมมองการย่อตัวในช่วงเช้าเล็กน้อย ก่อนจะเด้งขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,280.07 จุด บวกไป 10.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.38 หมื่นล้านบาท เป็นจังหวะที่นักลงทุนต้องซื้อตามแบบไม่มีข้อแม้ เพราะดัชนีเข้าเขตขายมากเกินไปจริง ๆ แถมค่า Modified stochastic ในส่วนของ %K ก็ลงมาอยู่ที่ระดับ 14 และในส่วนของ %D อยู่ที่ระดับ 21 โดยค่าของ %K อยู่ต่ำกว่าระดับ %D มาตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. นะจ๊ะ
จุดที่น่าสนใจคือระดับต่ำสุดที่ %K เคยแสดงให้เห็นอยู่ที่ระดับ 5.61 ซึ่งเป็นจุดที่ดัชนีลงยืนปิดบริเวณ 1,062.73 จุด และเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงกลาง มิ.ย. ที่ผ่านมา ขณะเดียวกันถ้ามองในแง่ของเส้น 200 วัน ซึ่งเป็นแนวรับสุดท้ายในรอบนี้ที่ระดับ 1,220 จุด ก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นยากเช่นกัน “โมนิก้า” เลยอยากถามนักเล่นว่า การซื้อสวนตรงบริเวณจุดเด้งกลับเที่ยวก่อนที่บริเวณ 1,265 จุดมีความเสี่ยงสูงจริงไหม?..ลองไปคิดกันดูนะตัวเอง
โดยเฉพาะในรายของ SCB วันนี้มีค่า %K อยู่แค่ 15 พ่วงด้วยค่า RSI ที่เริ่มผงกหัว “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเกมที่น่าสนใจสำหรับคนที่จะทยอยเก็บหุ้น ผนวกกับราคาหุ้นประคองตัวเหนือระดับ 125 บาทได้นานถึง 3 เดือน อีฉันเลยมองว่า ราคาหุ้นไม่น่าจะมีอาการฮาร์ดแลนด์ดิ้งเหมือนที่บางคนกังวล ส่งผลให้การยืนปิดที่ระดับ 129 บาท บวกไป 2 บาท หรือขึ้นไป 1.55% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.44 พันล้านบาท ไม่เสี่ยงมากเจ้าค่ะ
ส่วนรายที่ “ฉีกสาย แหวกแนว” กับหุ้นตัวอื่น ๆ อย่างชัดเจน “โมนิก้า” ขอมองไปที่น้องท็อป TOP หลังประคองตัวได้อย่างแข็งแกร่ง แถมยังเกาะราคา 35 บาทได้เป็นเวลาสองเดือนครึ่งแบบนี้ อีฉันย่อมมองเป็นช็อตที่เหมาะต่อการโหนกระแส หลังหุ้นพยายามฝ่าแนวต้าน 37.50 บาทเป็นครั้งที่ 5 ผนวกเส้น 75 วันช้อนตัวขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ราคาปิดที่ระดับ 37.75 บาท บวกไป 2.25 บาท หรือขึ้นไป 6.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 735 ล้านบาท น่าสนใจพะยะค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของน้องมิ้น MINT ถูกขายออกมาเรื่อย ๆ ทั้งที่กำไรไตรมาส 3 ก็ออกมาดี “โมนิก้า” เลยมองว่า การยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 20.70 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 347 ล้านบาท เป็นระดับที่ต่ำเกินไปสำหรับหุ้นที่ทำผลงานดี ประกอบกับค่า %K ลดลงมาอยู่ที่ 16 ซึ่งเป็นการย้ำหัวหมุดว่า หุ้นลงมามากไปจริง ๆ อีกทั้งไตรมาส 4 ก็เป็นไฮซีซั่นของธุรกิจโรงแรม จึงเชื่อว่าผลงานของบริษัทน่าจะออกมาดี และราคาหุ้นก็ควรขึ้นเสียทีไม่ใช่เหรอคะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” เลือกหันมองหุ้น BGRIM เพื่อชี้ให้เห็นการขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 15.10 บาท บวกไป 0.70 บาท หรือขึ้นไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 189 ล้านบาท ท่ามกลางค่า %K ขึ้นมาอยู่ที่ 21 ก็เป็นจังหวะของการไหลตามน้ำเช่นกัน เพราะหุ้นเพิ่งขึ้นวันแรก แถมผลงานไตรมาส 3 เริ่มดีขึ้นอย่างชัดเจน เดี๊ยนเลยเชื่อว่า หุ้นตัวนี้จะกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านแรก 16.50 บาทอีกครั้งจ้า!
ส่วนรายที่ควรขึ้นได้เสียทีอย่าง BJC กลับเป็นหุ้นที่ถูกขายไม่เลิก จนค่า %K ลดลงมาเหลือแค่ 9.50 และในมุมมองของสัญญาณเทคนิคถือว่า Oversold ของจริง “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักลงทุนประเมินการยืนปิดที่ระดับ 17.20 บาท บวกไป 0.30 บาท หรือขึ้นไป 1.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 48 ล้านบาท น่าสนใจเหมือนที่อีฉันเล่าให้ฟังจริงไหม? หรือมองในมุมของผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ขึ้นมาอยู่ในระดับ 4.20% ทำให้หุ้นน่าสนใจขึ้นมาบ้างหรือยังจ๊ะ
โมนิก้าและทีมงาน