BJC ทุ่มงบ 1 หมื่นลบ.ขยาย-ปรับปรุงสาขา BIGC ในปี 60

BJC ทุ่มงบ 1 หมื่นลบ.ขยาย-ปรับปรุงสาขา BIGC – เล็งสร้างโรงงานขวดแก้วและกระป๋อง หวังรองรับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น คาดเดินเครื่อง Q4/60


นายรามี ปีไรเนน ผู้อำนวยการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BJC เปิดเผยว่า กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างวางแผนการดำเนินงานในปี 60 หลังจากเข้าซื้อกิจการ บริษัท บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BIGC คาดว่าจะสรุปและเปิดเผยได้ในเดือน ธ.ค.นี้ อย่างไรก็ตาม เบื่องต้นบริษัทวางงบลงทุนรวมในปีหน้าไว้ราว 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเน้นการลงทุนของ BIGC ในสัดส่วนราว 80% ขณะที่เป็นการลงทุนของ BJC ราว 20%

ทั้งนี้ ในปี 60 บิ๊กซี มีแผนลงทุนขยายสาขาไฮเปอร์มาร์เก็ตเพิ่ม 9 สาขา, มินิบิ๊กซีกว่า 200 สาขา จากเดิมมี 431 สาขา, บิ๊กซี มาร์เก็ต 4 สาขา จากเดิม 59 สาขา และปรับปรุงสาขาเดิมราว 42 สาขา ส่วน BJC มีแผนสร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้วและกระป๋องเพื่อรองรับปริมาณขายเพิ่มขึ้น คาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตในไตรมาส 4/60 ส่งผลทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 10% หรือราว 300 ตัน/วัน จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 2,735 ตัน/วัน

“ปีหน้ายังอยู่ระหว่างทำแผน คาดว่าจะเปิดเผยได้เร็วๆนี้ โดยเบื้องต้นวางงบลงทุน 10,000 ล้านบาท ใช้ในการขยายสาขาของบิ๊กซีเป็นหลัก และใช้สร้างโรงงานบรรจุภัณฑ์ประเภทขวดแก้ว รองรับปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันเราก็มีแผนขยายโรงงานร่วมทุนในประเทศมาเลเซีย และเวียดนาม แต่ยังไม่มีข้อสรุป”นายรามี กล่าว

ปัจจุบัน บริษัทมีหนี้สินโดยรวม ณ สิ้น 9 เดือนแรกของปี 59 ที่ 1.54 แสนล้านบาท แบ่งเป็นหนี้เงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินราว 6.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งบริษัทมีแผนแปลงเป็นหุ้นกู้ทั้งหมด โดยเตรียมออกหุ้นกู้ชุดที่สองวงเงิน 20,000 ล้านบาทในเดือน ธ.ค.59 และจะออกหุ้นกู้ในปี 60 อีกราว 47,000 ล้านบาท เพื่อนำไปล้างหนี้ดังกล่าว ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนดอกเบี้ยลดลงมาที่ 3% จากเดิม 3-4% และอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ก็น่าจะลดลงจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.4 เท่า

นายรามี กล่าวว่า สำหรับผลประกอบการของ บมจ.บิ๊กซี ซูเปอร์เซ็นเตอร์ (BIGC) ปีนี้ยอดขายน่าจะปรับตัวลดลง จากการปรับกลยุทธ์การดำเนินงาน หรือการยกเลิกจำหน่ายสินค้าที่ไม่ก่อให้เกิดกำไร เช่น สุรา ,บุหรี่ ให้กับกลุ่มค้าส่ง ซึ่งยอดขายสินค้าดังกล่าวคิดเป็น 15% ของยอดขายรวม โดยบริษัทดำเนินกลยุทธ์ดังกล่าวมาตั้งแต่เดือน พ.ค.59 ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/59 ปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ 17.8% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 12.9% ทั้งนี้ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จทั้งหมดในไตรมาส 3/60 

ขณะที่มองแนวโน้มในไตรมาส 4/59 ยอดขายน่าจะลดลงเล็กน้อย จากไตรมาส 3/59 เป็นไปตามภาวะอารมณ์ของผู้ซื้อ รวมถึงซัพพลายเสื้อสีดำออกมาไม่เพียงพอต่อความต้องการ

Back to top button