SET ปิดลบ 26 จุดตาม “ดาวฟิวเจอร์” รูด 500 จุด สัปดาห์หน้าเสี่ยงลงต่อหลังไร้ปัจจัยใหม่หนุน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีปิดวันนี้ที่ระดับ 1,364.57 จุด ลดลง 26.26 จุด (-1.89%) มูลค่าการซื้อขาย 52,201.99 ล้านบาท

10 หุ้นกดดัชนีวันนี้

ด้านนักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวันนี้ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่ต่างติดลบกัน เช่นเดียวกับตลาดในยุโรปที่เปิดเทรดบ่ายนี้ก็ติดลบราว 2% เหมือนกันดาวโจนส์ฟิวเจอร์สที่ติดลบเช่นกัน ซึ่งบรรยากาศการลงทุนทั่วโลกเวลานี้ไม่ดี

ส่วนบ้านเราแม้ว่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาตามคาด แต่ดูรายละเอียดแล้วไม่มีอะไร Surprise ทำให้ตลาดฯขาดแรงหนุน โดยเฉพาะเรื่องกองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) ยังเป็นเกณฑ์ที่มีอายุตามกรอบเดิม 10 ปี แม้จะมีการแบ่งวงเงินลงทุนใหม่ เพิ่มเติมสำหรับการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียน เป็นให้ลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนได้มากกว่า 65% เฉพาะกองที่เปิดขายภายในเดือน มิ.ย. 63 ซึ่งมองช่วยแค่ระยะสั้นเท่านั้น และคงจะคาดหวังยากที่จะให้มีเม็ดเงินเข้ามาในตลาดฯ

อีกทั้ง Sentiment ภายนอกประเทศก็ไม่สดใสจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 กระจายไปทั่วโลก ซึ่งผู้เสียชีวิต และผู้ติดเชื้อก็เร่งตัวขึ้นนอกประเทศจีน โดยเฉพาะในแถบยุโรป และสหรัฐฯ ที่สร้างความกังวลอยู่ในขณะนี้ ขณะที่ทางฝั่งจีนดีขึ้น ดังนั้น ธุรกิจท่องเที่ยวจะหายไปเลย ส่วนส่งออกก็จะหายไปด้วยในส่วนที่ส่งออกไปฝั่งยุโรป และสหรัฐฯ ที่จะต้องหยุดก่อนในช่วงยับยั้งการแพร่ระบาดไวรัส จนกว่าจะมีวัคซีนมารักษาก็จะเป็นจุดเปลี่ยนที่จะช่วยตลาดฯได้ แต่ช่วงสั้นยังไม่มีข่าวดี

แนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้า คาดตลาดฯยังมีความเสี่ยงที่จะแผ่วลงหลังจากที่ยังไม่มีปัจจัยบวก และดัชนีฯก็ยังไม่ผ่านระดับ 1,400 จุด พร้อมให้แนวรับ 1,350 จุด ส่วแนวต้าน 1,380 จุด

ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่

PTT มูลค่าการซื้อขาย 2,723.68 ล้านบาท ปิดที่ 37.50 บาท ลดลง 1.50 บาท

CPALL มูลค่าการซื้อขาย 2,284.15 ล้านบาท ปิดที่ 69.25 บาท ลดลง 0.50 บาท

BAM มูลค่าการซื้อขาย 2,037.49 ล้านบาท ปิดที่ 25.25 บาท ลดลง 0.25 บาท

ADVANC มูลค่าการซื้อขาย 2,003.78 ล้านบาท ปิดที่ 196.00 บาท ลดลง 3.50 บาท

KBANK มูลค่าการซื้อขาย 1,686.33 ล้านบาท ปิดที่ 117.00 บาท ลดลง 5.50 บาท

ตลาดหุ้นเอเชีย

ตลาดหุ้นนิวยอร์ก