“กทม.” ขู่สั่งปิดร้านค้าทันที หากพบปล่อยปชช.รุมซื้อของ กำชับเข้ม ต้องเว้นระยะห่าง!

"โฆษก กทม." ขู่สั่งปิดร้านค้าทันที หากพบปล่อยปชช.รุมซื้อของ กำชับเข้ม ต้องเว้นระยะห่าง อย่าเพิ่งวางใจแม้กทม.ไม่พบผู้ป่วยโควิดเพิ่ม 4 วันติด!


ร.ต.อ.พงศกร ขวัญเมือง โฆษกกรุงเทพมาหนคร (กทม.) เปิดเผยว่า กทม.จะสั่งปิดร้านค้าปลีก-ค้าส่งทันที หากพบว่าปล่อยให้ลูกค้ารุมแย่งกันซื้อสินค้า

ทั้งนี้ เนื่องจากศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ให้อำนาจผู้ว่าฯ กทม.ในการออกมาตรการควบคุม กทม.จึงได้กำหนดมาตรการเว้นระยะห่าง ซึ่งกรณีที่เกิดเหตุลูกค้ารุมกันแย่งซื้อสินค้าในร้านค้าปลีกค้าส่ง หากพบว่าเกิดขึ้นอีกดังเช่นในอดีตก็พร้อมจะสั่งปิดสถานที่นั้นทันที

สำหรับภาพรวมการคลายล็อกมาตรการปิดสถานที่ในระยะแรก พบว่าส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือดี ทั้งในส่วนของตลาด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ซึ่งให้ขายได้ทุกอย่าง แต่การขายต้องมีมาตรการในการควบคุม ทั้งการวัดอุณหภูมิ การล้างมือ การเว้นระยะห่างระหว่างผู้ขายและผู้ซื้อ ขณะที่บางตลาดที่มีพื้นที่เล็กมากก็ให้มีการใช้ฉากกั้นระหว่างร้านค้าด้วยกัน และให้มีการทำความสะอาดฉากกั้นและล้างมือบ่อยๆ

ส่วนร้านอาหาร ซึ่งรัฐกำหนดให้มีการเว้นระยะห่าง 1 เมตร แต่สำหรับร้านอาหารใน กทม.ได้ขอความร่วมมือหากจะมีการนั่งร่วมโต๊ะกันในระยะห่าง 1-1.5 เมตร ขอให้มีฉากกั้น แต่ถ้าเกิน 1.5 เมตรก็ไม่จำเป็นต้องมีฉากกั้นแต่ใช้การเว้นระยะห่างได้ แต่ต้องไม่มีการดื่มแอลกอฮอล์ในร้าน ต้องมีทำความสะอาดโต๊ะ ภาชนะหลังใช้ทันที อย่างไรก็ตาม ยังยืนยันว่าช่วงนี้สถานการณ์ยังไม่ปกติ ร้านอาหารก็ยังไม่ควรจะเป็นสถานที่ที่มีคนมารวมตัวกัน

ด้านสถานที่ออกกำลังกาย สวนสาธารณะ ซึ่งตอนนี้มีคนมาใช้บริการจำนวนมาก กทม.เป็นห่วงว่าสวนสาธารณะจะเป็นแหล่งในการรวมตัวของคน ในส่วนของนักวิ่งหากใส่หน้ากากอนามัยขณะวิ่งอาจจะเป็นอันตรายในการสูดคาร์บอนไดออกไซด์กลับเข้าไปในร่างกาย แต่หากไม่ใส่หน้ากากอนามัยก็อาจจะได้รับเชื้อโควิด-19 เพราะฉะนั้นช่วงนี้ถ้าเป็นไปได้อย่าเพิ่งวิ่งแต่ใช้การเดินออกกำลังกายแทนไปก่อน

สำหรับปัญหาความแออัดของรถไฟฟ้า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการมายัง กทม.ให้ดำเนินการแก้ปัญหา ซึ่งผู้ว่าฯ กทม.ได้ออกนโยบายให้มีการจัดเจ้าหน้าที่เทศกิจไปดูแล 17 สถานีที่มีผู้คนแออัดในช่วงเวลาเร่งด่วน สถานีละ 6 คนไปจัดระเบียบผู้ใช้บริการรถไฟฟ้าให้มีการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกันการติดเชื้อ

ขณะเดียวกันอยากให้ผู้ใช้บริการปรับเวลา เหลื่อมเวลาในการไปทำงาน-เลิกงาน ใช้บัตรโดยสารส่วนตัวแทนการหยอดเหรียญเพื่อซื้อบัตรโดยสาร ซึ่ง กทม.พยายามผลักดันการใช้ตั๋วร่วมระหว่างรถไฟฟ้ากับรถไฟใต้ดิน คาดว่าในเร็ววันนี้จะทำได้ นอกจากนี้ให้ลดการพูดคุยกัน ลดการใช้โทรศัพท์ระหว่างการเดินทางเพื่อลดโอกาสในการแพร่กระจายเชื้อออกไป ล้างมือหลังจับราวโดยสาร เว้นระยะห่างขณะอยู่ในขบวนรถ

“4 วันแล้วที่กรุงเทพมหานครไม่พบผู้ติดเชื้อเพิ่ม แต่เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อในภาพรวมยังมีอยู่ ดังนั้น ขอให้มีมาตรการเว้นระยะห่างอยู่ ก่อนที่จะมีการผ่อนคลายสถานที่ในระยะที่ 2…ขอให้ร่วมมือจะได้ควบคุมการแพร่ระบาดไม่ให้กระจายเป็นวงกว้าง และเน้นย้ำว่าถ้าสถานการณ์ดีขึ้นเราอาจจะมีการใช้ชีวิตได้ใกล้เคียงปกติมากที่สุด” ร.ต.อ.พงศกร กล่าว

Back to top button