โบรกฯ แนะเกาะติด 3 ประเด็นหลักประจำสัปดาห์ “ค่าเงินบาท-วัคซีนโควิด-ประชุม ECB”

โบรกฯ แนะเกาะติด 3 ประเด็นหลักประจำสัปดาห์ "ค่าเงินบาท-วัคซีนโควิด-ประชุม ECB"


บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า SET วันศุกร์ที่ผ่านมา SET Index ปรับตัวขึ้นทดสอบระดับแนวต้านแรกของเราเดือนนี้ที่ 1450-1460 จุดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทำให้ Upside ต่อจากนี้ไป ประเมินที่แนวต้านสำคัญของเราที่ 1500 จุด ซึ่งเป็นระดับที่คำนวณได้จากโมเดล Earning yield gap (EYG) ของเรา ซึ่งต้องถือว่าเป็นระดับที่ยืดได้สุดแล้วในกรณี Extreme ที่ว่า Fund flow จะไหลเข้ามาอีก

ทั้งนี้ ยังคงมองเช่นเดิมว่าตลาดหุ้นไทยในช่วงครึ่งแรกของเดือนนี้จะมีบรรยากาศที่ดีกว่าครึ่งเดือนหลัง จากมาตรการการลดกำลังการผลิตของกลุ่ม OPEC+ และพัฒนาการเชิงบวกของวัคซีนที่เตรียมได้รับการอนุมัติในประเทศต่างๆ แต่ยังคงมุมมองเชิงระมัดระวังต่อการย่อตัวของดัชนีในช่วง 1-2 สัปดาห์สุดท้ายของปี จากปรากฏการณ์ Asset re-allocation ของนักลงทุนทั่วโลกจากตราสารทุนเข้าสู่ตราสารหนี้ในช่วงปลายปี

Strategy: ในเชิงกลยุทธ์ ยังคงแบ่งแนวทางการลงทุนเป็น 2 รูปแบบ ดังนี้

1) สำหรับนักลงทุนระยะสั้น สามารถเก็งกำไรไปกับหุ้นกลุ่ม Cyclical ที่อิงกับปัจจัยภายนอกอย่าง ปิโตรเคมี และ พลังงานได้ต่อไป ตราบใดที่ราคาน้ำมันดิบยังคงทรงตัวได้อยู่ในระดับสูง ล่าสุด Top pick ในกลุ่มนี้เราขอเลือก IVL เพียงตัวเดียวเท่านั้น เนื่องจากยังคงซื้อขายด้วย Forward PBV ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวอยู่

2) สำหรับนักลงทุนระยะกลาง-ยาวนั้น มองว่าสามารถชะลอการลงทุนไปก่อนได้ ในสภาวะที่ Valuation ของ SET อยู่ในระดับที่ร้อนแรงมากแล้ว อย่างไรก็ดี หากต้องการเข้าลงทุนในช่วงนี้ มองไปยังกลุ่มหุ้น Growth ที่อิงกับปัจจัยภายนอกที่ช่วงที่ผ่านมาราคายัง Laggard ตลาดอยู่ โดย Top pick ในกลุ่มนี้ เลือก KCE ที่ราคาปัจจุบันยังคงต่ำกว่าเป้าหมายของเราในเชิงพื้นฐานที่ 45.50 บาทอยู่

Factors: สำหรับปัจจัยที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่

1) การแถลงมาตรการดูแลค่าเงินบาทเพิ่มเติมของธปท.ในวันที่ 9 ธ.ค. หากออกมายังไม่มีมาตรการใดในระดับเข้มข้น คาดว่าจะยิ่งมีแรงเก็งกำไรค่าเงินบาทเข้ามาอีก และ Fund flow ไหลเข้ามามากขึ้น จนอาจทำให้เงินบาทแข็งค่าทำสถิติใหม่ของรอบนี้ได้

2) การพิจารณาขององค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ว่าจะรับรองวัคซีนต้าน COVID-19 ของบริษัท Pfizer หรือไม่ในวันที่ 10 ธ.ค. ซึ่งหากมีการอนุมัติ ก็น่าจะทำให้ชาวสหรัฐฯทยอยเริ่มรับการฉีดวัคซีนได้ในช่วง 1-2 วันหลังจากนั้นทันที

3) การประชุมธนาคารกลางยุโรป (ECB) ในวันที่ 10 ธ.ค. ซึ่งนักลงทุนในตลาดส่วนหนึ่งคาดว่า ECB อาจเพิ่มวงเงิน / ขยายเวลา การเข้าซื้อสินทรัพย์อีก หลังจากเคยเพิ่มก่อนหน้านี้ไปแล้วราว 6 แสนล้านยูโรเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา จนทำให้ยอดล่าสุดอยู่ที่ 1.35 ล้านล้านยูโร และจะสิ้นสุดลงในเดือนมิ.ย.ปี 2021 โดยล่าสุดระดับการเพิ่มที่มีการพูดถึงกันในตลาดอย่างมากคือประมาณ 5 แสนล้านยูโร และอาจขยายช่วงเวลาโครงการไปถึงปี 2022 นอกจากนั้น ECB ยังอาจมีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดในส่วนของโครงการสินเชื่อเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำระยะยาวหรือ TLTRO อีกด้วย โดยให้แนวรับ 1,432 จุด แนวต้าน 1,456 จุด

Back to top button