TSR คาดกำไรปีนี้ทำนิวไฮ มั่นใจรายได้ตามเป้า 1.5 พันลบ.

TSR คาดกำไรปีนี้ทำนิวไฮ มั่นใจรายได้ปีนี้ตามเป้า 1.5 พันลบ. เดินหน้าศึกษาการขยายตลาดไปตปท. เผยอยู่ระหว่างเจรจาตัวแทนจำหน่ายในเวียดนาม


นายวิรัช วงศ์นิรันดร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เธียรสุรัตน์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSR เปิดเผยว่า บริษัทคาดกำไรสุทธิปีนี้จะทำสถิติสูงสุดต่อเนื่องจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 93.72 ล้านบาท หลังครึ่งแรกมีกำไรแล้ว 52 ล้านบาท สูงกว่าครึ่งแรกปีก่อนที่ 47 ล้านบาท ทั้งปีก็คาดว่ากำไรจะสูงกว่าปีก่อน ตามรายได้รวมที่มั่นใจปีนี้ได้ตามเป้า 1,500 ล้านบาท เติบโต 30% โดยครึ่งแรกมีรายได้แล้ว 700 ล้านบาท ที่เหลือครึ่งหลัง 800 ล้านบาท น่าจะทำให้ได้

นอกจากยอดขายจากเครื่องกรองน้ำซึ่งเป็นรายได้หลักแล้ว บริษัทยังมียอดขายเครื่องปรับอากาศด้วย และในเดือนพ.ย.นี้ จะนำเครื่องทำน้ำอุ่นภายใต้แบรนด์ SAFF (เซฟ) ออกสู่ตลาด นอกจากนี้ อยู่ระหว่างเจรจากับ Vender เพื่อนำเครื่องซักผ้า (ยังไม่ระบุแบรนด์)  และเครื่องใช้ในบ้านมาขาย โดยคาดจะสรุปได้ปลายไตรมาส 3 หรือต้นไตรมาส 4/58 นี้

“กลยุทธ์เราจะรุกตลาดต่างจังหวัดเป็นหลัก โดยจะไปเปิดสาขาเพิ่ม ขณะที่ในกทม.เราจะเปิดเป็นศูนย์บริการมากกว่า โดยกำลังมองเปิดศูนย์บริการที่ฝั่งธน และลำลูกกาอยู่ หลังเปิดที่สมุทรปราการ ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานขาย 2,200 ราย พนักงานขายเพิ่มขึ้น ยอดขายก็เพิ่ม และเรามีฐานลูกค้าเครื่องกรองน้ำอยู่ 4 แสนราย เราก็จะเสนอขายแอร์ เครื่องทำน้ำอุ่น และเครื่องซักผ้า เข้าไป ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่เป็นเงินผ่อน”นายวิรัช กล่าว

ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากเครื่องกรองน้ำ 95% เครื่องปรับอากาศ (ไดกิ้น) 5% ปี 59 คาดหวังยอดขายเครื่องปรับอากาศจะเพิ่มเป็น 10% เพราะตั้งแต่ช่วงก.พ.59 การขายเครื่องปรับอากาศน่าจะคึกคัก

ขณะที่บริษัทคาดหวังใน 3-5 ปีข้างหน้ายอดขายจะแตะ 5,000 ล้านบาท โดยคาดว่าไม่เกิน 3 ปี จะมีสัดส่วนรายได้จากต่างจังหวัดเพิ่มเป็น 50% กทม. 50% จากปัจจุบัน กทม. 85% ต่างจังหวัด 15% ซึ่งตามแผนจะขยายสาขาต่างจังหวัดเพิ่มปีละ 7-10 สาขา จากสิ้นปีนี้คาดจะมีสาขารวม 16 สาขา ทั้งนี้ เพื่อทำยอดขายให้ได้ตามเป้า อีกทั้งอยู่ระหว่างเจรจากับดีเวลลอปเม้นท์หลายราย เพื่อจะเอาสินค้าของบริษัทขายงานโครงการด้วย โดยเสนอเป็นแพ็กเก็จเข้าไป ก็น่าจะได้วอลุ่มเพิ่มจากปัจจุบันยังไม่มียอดขายจากส่วนนี้

ทั้งนี้บริษัทได้ซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1-2 ไร่ ใกล้ๆ โรงงานเดิมเพื่อพัฒนาเป็นคลังสินค้าและสามารถเพิ่มไลน์การผลิตได้ ด้วยงบลงทุนกว่า 10 ล้านบาท พื้นที่ 1,500 ตร.ม.คาดก่อสร้างเดือนต.ค.และเสร็จในไตรมาส 1/59  รองรับการขยายงานของบริษัทได้ถึงกลางปี 60

ส่วนการขยายตลาดต่างประเทศ อยู่ระหว่างศึกษา 3 แนวทางที่จะไป ได้แก่ การร่วมทุน ((Joint Venture) ตั้งตัวแทนจำหน่าย และเปิดสาขาเอง เบื้องต้นน่าจะเป็นตั้งตัวแทนจำหน่ายเพราะง่ายสุด ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายในประเทศเวียดนาม โดยคาดว่าจะเห็นในปี 59

Back to top button