PLUS บวกต่อ 4% รับโปรดักส์ใหม่-บาทอ่อนค่า ดันรายได้ปีนี้โต 50%  

PLUS วิ่งต่อ 4% ตอบรับบริษัทส่งโปรดักส์ใหม่เครื่องดื่มน้ำนมมะพร้าวและโยเกิร์ตมะพร้าว พร้อมมั่นใจยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่เงินบาทอ่อนค่ายังช่วยหนุน ลุ้นภาพรวมธุรกิจปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 50%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ส.ค. 65) ราคาหุ้น บริษัท โรแยล พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ PLUS ณ เวลา 10:19 น. อยู่ที่ระดับ 8.40 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 3.70% สูงสุดที่ระดับ 8.55 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 7.90 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 264.99 ล้านบาท

นายพลแสง แซ่เบ๊ กรรมการผู้อำนวยการ PLUS เปิดเผยว่า บริษัทเสริมกลยุทธ์วางแผนการออกโปรดักส์ใหม่กลุ่ม Plant-Based ในช่วงครึ่งปีหลัง เป็นเครื่องดื่มน้ำนมมะพร้าวและโยเกิร์ตมะพร้าว ภายใต้แบรนด์ MABU ซึ่งเป็นเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพ โดยใช้วัตถุดิบจากพืชเป็นหลัก (Plant-Based)

ขณะที่เครื่องดื่มกลุ่มน้ำมะพร้าวยังมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามาอย่างคึกคัก รวมถึงสถานการณ์ค่าระวางและสายเรือดีขึ้น สนับสนุนเป้าหมายการเติบโตของยอดขายในปีนี้ไม่ต่ำกว่า 50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณคำสั่งซื้อที่เข้ามาต่อเนื่อง และมีการขยายช่องทางจัดจำหน่าย โดยปัจจุบันส่งสินค้าเข้าห้าง Walmart แล้วกว่า 2,000 สาขา

ส่วนแนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 3/65 คาดเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมา สนับสนุนผลประกอบการในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตต่อเนื่องจากครึ่งปีแรก หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลายทำให้คำสั่งซื้อเร่งตัวขึ้น ขณะที่สถานการณ์ตู้คอนเทนเนอร์คลี่คลายดีขึ้น ล่าสุดค่าระวางเรือปรับลงจากช่วงก่อนหน้า ถือเป็นปัจจัยบวกต่อบริษัท

รวมทั้งการฟื้นตัวของตลาดสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นตลาดหลักและตลาดตะวันออกกลาง ส่งผลให้สินค้ากลุ่มหลักอย่างน้ำนมมะพร้าวและน้ำมะพร้าวมีการเติบโตที่ดี รวมทั้งได้อานิสงส์เชิงบวกจากค่าเงินบาทอ่อนค่า เนื่องจากบริษัทมีรายได้เป็นสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ราว 63% ของรายได้รวม ล้วนเป็นปัจจัยบวกสะท้อนการเติบโตที่แข็งแกร่ง

โดยปัจจุบัน PLUS ขยับขึ้นมาเป็นผู้ส่งออกน้ำผลไม้ลำดับที่ 3 ของประเทศ จากเดิมลำดับที่ 12 และขึ้นชั้นเป็นลำดับที่ 1 ของกลุ่มน้ำผลไม้ผสมจากลำดับที่ 3 เมื่อสิ้นปี 64 ตอกย้ำศักยภาพในการดำเนินธุรกิจในฐานะผู้ผลิตและส่งออกรายใหญ่ของประเทศ

สำหรับภาพรวมธุรกิจปี 65 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,500 ล้านบาท เติบโต 50% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เชื่อว่าจะทำได้ตามแผน เนื่องจากสัญญาณการฟื้นตัวที่ดีหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ผ่อนคลาย ภาพรวมการบริโภคในประเทศ และการส่งออกคึกคัก ส่งผลให้มีคำสั่งซื้อกลับเข้ามารับความต้องการผู้บริโภคเริ่มกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ซึ่งบริษัทฯ มีแผนขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศในกลุ่ม CLMV และลงทุนในระบบเทคโนโลยีและเครื่องจักรเพิ่มเติม เพื่อขยายตลาดใหม่สอดรับเทรนด์อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มที่จะเติบโตในอนาคต

Back to top button