JMT ควง “เจมาร์ท” วิ่งคึก! รับข่าวซื้อหนี้ 6 หมื่นล้าน ดันกำไรปีนี้โต 30%

JMT ควง JMART บวกแรง! หลังปิดดีลซื้อ “หนี้เสีย” ก้อนยักษ์ 6 หมื่นล้านบาท ดันพอร์ตบริหารหนี้ด้อยคุณภาพแตะ 4.4 แสนล้านบาท ดันกำไรปี 66 เติบโตสูงกว่า 30% ฟากโบรกยังแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายสูงสุด 81 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (9 มิ.ย.66) ณ เวลา 10:00 น. ราคาหุ้น บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT อยู่ที่ระดับ 41.75 บาท บวก 2.25 บาท หรือ 5.70% สูงสุดที่ระดับ 42 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 41.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 155.25 ล้านบาท

ด้านราคาหุ้น บริษัท เจมาร์ท กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JMART อยู่ที่ระดับ 19.80 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 2.59% สูงสุดที่ระดับ 19.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 19.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 68.47 ล้านบาท

นายสุทธิรักษ์ ตรัยชิรอาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร JMT เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ประเภทหนี้ไม่มีหลักประกันจากสถาบันการเงิน เป็นธนาคารพาณิชย์ รวมมูลค่าประมาณ 60,000 ล้านบาท และถือเป็นการเดินหน้าซื้อหนี้เข้ามาบริหารครั้งประวัติศาสตร์ของบริษัท ช่วยสนับสนุนพอร์ตบริหารหนี้ปัจจุบันอยู่ที่กว่า 440,000 ล้านบาท (รวม JK AMC)

“หนี้ด้อยคุณภาพที่เพิ่มเข้ามา ทำให้มีความมั่นใจว่าปีนี้จะเป็นปีที่ดีอีกปีหนึ่งในการซื้อหนี้เข้ามาบริหารของบริษัท และจะช่วยสนับสนุนภาพรวมกำไรเติบโตเข้าเป้าหมายมากกว่า 30% จากปีก่อน” นายสุทธิรักษ์ กล่าว

นายสุทธิรักษ์ กล่าวย้ำว่า หากเทียบกับหลาย ๆ ปีก่อนหน้านี้ที่ JMT เคยได้ลงทุนซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหาร ปีนี้ถือเป็นปีที่ดีที่สุดของบริษัทในการซื้อหนี้ ซึ่งเป็นโอกาสของ JMT ที่จะมีหนี้ด้อยคุณภาพ เพื่อสร้างกระแสเงินสดที่ดีให้กับบริษัทต่อไป

นอกจากนี้ JMT ยังอยู่ระหว่างการยื่นประมูลซื้อหนี้เพิ่มเติมอีก โดยในปีนี้มุ่งเน้นหนี้ด้อยคุณภาพที่ไม่มีหลักประกัน (Unsecured Loan) ซึ่งอยู่ในความเชี่ยวชาญของบริษัท ย้ำผู้นำด้านการติดตามและบริหารหนี้ของประเทศไทย รับภาพรวมหนี้ในระบบจากสถาบันการเงินทยอยเปิดประมูลออกมาอย่างต่อเนื่อง

โดย JMT ตั้งเป้าหมายงบลงทุนซื้อหนี้ปีนี้อยู่ที่ประมาณ 10,000-15,000 ล้านบาท ทั้งหนี้ที่มีหลักประกันและไม่มีหลักประกัน ซึ่งในไตรมาส 1/2566 ใช้งบลงทุนไปแล้ว 1,392 ล้านบาท สำหรับแนวโน้มไตรมาส 2/2566 เดินหน้าซื้อหนี้ตามแผน พร้อมด้วยการจัดเก็บอยู่ในระดับที่ดีต่อเนื่อง

ด้านนายมงคล พ่วงเภตรา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การที่พอร์ตของ JMT ใหญ่ขึ้น ทำให้กำไรเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนี้หากย้อนหลังไป 5-6 ปีก่อนหน้านี้ เวลาที่ JMT จะรับรู้กำไรได้ต้องซื้อหนี้มาแล้วระยะหนึ่งประมาณ 4-5 ปี ถึงจะเริ่มรับรู้กำไรเป็นกอบเป็นกำ ซึ่งกำไรเหล่านั้นเพิ่งจะเห็นไม่นานมานี้

ขณะที่ ปัจจุบันด้วยเรื่องของมาตรฐานบัญชีที่มีการปรับใหม่ ทำให้การรอคอยในเรื่องกำไรของบริษัทที่เกี่ยวโยงกับหนี้ที่ซื้อมา ไม่ต้องรอนานเหมือนที่ผ่านมา และที่สำคัญคือก่อนหน้านี้ผู้บริหารของ JMT เคยกล่าวไว้ว่า เมื่อมีการซื้อหนี้เข้ามา ทางบริษัทสามารถบริหารจัดการเป็นรายได้ภายในเวลารวดเร็วได้เลย

ดังนั้น ทันทีที่เกิดการเติมเงินเข้ามา ก็จะเกิดเป็นกำไรได้เลย

“ทุก ๆ หนี้ที่เพิ่มขึ้นมา 1 บาท จะทำให้กำไรของ JMT เพิ่มขึ้นตามมาด้วย” นายสุทธิรักษ์ กล่าว

สำหรับในช่วงครึ่งหลังของปี 2566 มีสัญญาณว่าสถาบันการเงินในประเทศจะนำหนี้เสียออกมาจำหน่ายมากขึ้น หลังหมดมาตรการช่วยเหลือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 แล้ว

ราคาหุ้น ณ ปัจจุบันของ JMT ได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว หนุนโดยการเทรดบน P/BV ปี 2566 ที่ระดับ 2.7 เท่า ขณะที่คาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปียังมีแนวโน้มฟื้นตัวต่อเนื่อง จึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” JMT ราคาเป้าหมาย 54 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนะนำ “ซื้อ” หุ้นบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT ราคาเป้าหมาย 81 บาท เนื่องจากยังมีแนวโน้มการเติบโตของผลประกอบการ ขณะที่ราคาหุ้น JMT ปรับตัวลดลงกว่า 54% จากที่ปรับตัวขึ้นอย่างโดดเด่นในช่วงไตรมาส 2/2565 และลดลง 43% นับจากต้นปีถึงปัจจุบัน เนื่องจากผลคาดการณ์รายได้เฉลี่ย

อย่างไรก็ตาม คาด EPS ยังเติบโต 25% ในปี 2566-2567 และคาดอัตราการเติบโตต่อปี (CAGAR) ที่ 5% ในช่วงปี 2563-2565

บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ประเมินว่ากำไรสุทธิไตรมาส 2/2566 ของ JMT จะกลับมาเติบโตขึ้นทั้งเทียบปีก่อนและไตรมาสก่อน มีปัจจัยหนุนจากคาดว่าลูกหนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้น ตามกำลังซื้อของประเทศที่ทยอยเพิ่มขึ้นหลังเปิดเมืองเต็มที่ และผลบวกจากเงินสะพัดในระหว่างช่วงการเลือกตั้งกลางเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ส่งผลดีต่อการจัดเก็บหนี้ของ JMT เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในช่วงไตรมาส 2/2566 ทาง JMT ยังจะรับรู้ผลบวกจากส่วนแบ่งกำไรของบริษัทร่วมทุน (JK AMC) เข้ามาต่อเนื่อง

“กำไรสุทธิปี 2566 ของ JMT ยังเดินหน้าทำสถิติสูงสุดใหม่ (นิวไฮ) ได้อย่างต่อเนื่อง โดยคาดกำไรสุทธิปี 2566 ของ JMT ไว้ที่ 2 พันล้านบาท เติบโตขึ้น 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน” บล.เอเซีย พลัส ระบุ

Back to top button