TLI ปิดเช้าบวก 6% เก็งบอนด์ยีลด์ขาขึ้น-ลุ้นงบ Q3/66 โตดี

TLI ปิดเช้าบวก 6% เก็งบอนด์ยีลด์ขาขึ้น ล่าสุดบอนด์ยีลด์ 10 ปี ปรับขึ้นที่ระดับ 4.29% พร้อมลุ้นงบไตรมาส 3/66 โตดี แนะซื้อเป้า 17.50 บาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้(12 ก.ย.66) ราคาบริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI  ปิดภาคเช้าที่ระดับ 12.90 บาท บวก 0.70 บาท หรือ 5.74% สูงสุดที่ระดับ 12.90 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 12.60 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2230.48 ล้านบาท

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้( 12 ก.ย.66) มอง SET แกว่งไซด์เวย์-ซึมตัว ขาดปัจจัยใหม่หนุนนักลงทุนรอติตดามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ 13 ก.ย.ขณะที่การแถลงนโยบายรัฐบาลวันแรกถูกฝ่ายค้านอภิปรายว่าไม่ตรงปก-ขาดรายละเอียด นอกจากนี้บอนด์ยีลด์ 10 ปี ขึ้นมาจ่อที่ระดับ 4.3% และ US Dollar Index ยังทรงตัวในระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือนที่ระดับ 104-105 จุด ทำให้เงินทุนต่างประเทศยังเป็นลบ แนวรับ 1535, 1530 แนวต้าน 1550, 1560

บล.กรุงศรี พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ บอนด์ยีลด์ 10 ปี ปรับขึ้น 3 bps อยู่ที่ 4.29% ส่วน 2 ปี ปรับลง -1 bps อยู่ที่ 4.97%

บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3/66 ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากอัตราการตั้งสำรองที่ต่ำกว่าปีที่แล้ว เนื่องจากสัดส่วนประกันสะสมทรัพย์ลดลง รวมถึงพอร์ตการลงทุนที่สูงกว่าปีที่แล้ว ขณะที่คาดว่าลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า และค่าเคลมสินไหมรักษาพยาบาลมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพราะเป็นช่วงหน้าฝน ส่วนรอบต่อเบี้ยประกันในไตรมาส 3/66 น้อยกว่าไตรมาส 2/66 จึงปรับกำไรปกติปี 66-68 ลดลงราว 5-10% สะท้อนเบี้ยประกันภัยรับรวมที่ต่ำกว่าคาดเดิม เพราะมีกรมธรรม์หมดอายุ ส่งผลให้พอร์ตการลงทุนโตน้อยกว่าเดิม ทั้งนี้ มองว่ากำไรสุทธิปี 66  ที่ 9.4 พันลบ. ทรงตัวใกล้เคียงปี 65 จากการตั้งสำรองที่ลดลง สามารถชดเชยเบี้ยประกันที่ลดลงได้

โดยปรับราคาเป้าหมายปี 67 ที่ 17.5 บาท ลดลงจากปี 66 ที่ 19.5 บาท จากเบี้ยประกันภัยรับที่ไม่เติบโต ทั้งนี้มองราคาที่ลดลง 30% จากปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน  สะท้อนปัจจัยลบไปแล้ว อย่างไรก็ตาม ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยมองพื้นฐานธุรกิจของ TLI ยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะด้าน % VONB margin ที่ยังคงเพิ่มขึ้นต่อเนื่องมาที่ 59.1% ในไตรมาส 2/66 ซึ่งสูงเป็นอันดับต้นๆของบริษัทประกันในเอเชีย

ขณะที่ Embedded value (EV) ในไตรมาส 2/66 ปรับตัวขึ้นมาที่ 1.53 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นมูลค่า 13.4 บาท/หุ้น เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับสิ้นปี 65 โดยราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขาย P/EV ในปี 66 ที่ 0.8เท่า สะท้อนการประเมิณราคาหุ้น (valuation) ไม่แพง ซึ่งเทียบค่าเฉลี่ยกลุ่มในเอเชียที่ 1.4เท่า และสามารถซื้อตอบรับแนวโน้มอุตสาหกรรมประกันชีวิตในไทยที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต

 

Back to top button