
TISCO เด้ง 3% โบรกอัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้า 111 บ. หลังกำไร Q3 ดีกว่าคาด
TISCO บวก 3% หลังโชว์กำไรไตรมาส 3/68 แตะ 1.73 พันล้านบาท เติบโตดีกว่า Bloomberg และโบรกคาด 8% รับแรงหนุนรายได้ค่าธรรมเนียม-กำไรเงินลงทุน พร้อมควบคุมค่าใช้จ่ายดี อัพคำแนะนำ “ซื้อ” เป้าใหม่ 111 บาท
ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (15 ต.ค.68) ราคาหุ้น บริษัท ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TISCO ณ เวลา 10:45 น. อยู่ที่ระดับ 106.50 บาท บวก 3.50 บาท หรือ 3.40% สูงสุดที่ระดับ 107.00 บาท ต่ำสุดที่ระดับ103.50 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 476.98 ล้านบาท
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุถึง TISCO หลังบริษัทรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/68 อยู่ที่ 1.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.0% จากปีก่อนหน้า และ 5.3% จากไตรมาสก่อน สูงกว่าที่ Bloomberg และประมาณการของฝ่ายนักวิเคราะห์ 8% ขณะที่ปัจจัยสนับสนุนผลประกอบการ คือ รายได้ค่าธรรมเนียมและกำไรจากตีมูลค่ายุติธรรมเงินลงทุนสูงกว่าคาด แม้ต้นทุนเครดิตสูงกว่าคาดก็ตาม ด้านสินเชื่อสิ้นไตรมาส 3/68 หดตัว 2.4% จากปีก่อนหน้า และลดลง 1.0% เมื่อเทียบจากต้นปีถึงปัจจุบัน (แต่เติบโตได้เล็กน้อย 0.2% จากปีก่อนหน้า) โดยสินเชื่อภาคธุรกิจหดตัวมากกว่าสินเชื่อประเภทอื่น
ส่วน NIM ขยายตัวจากต้นทุนการเงินลดลง ขณะที่ yield สินเชื่อทรงตัวยังผลให้ NIM เพิ่ม 0.15% เทียบไตรมาสก่อนหน้าและ 0.09% เทียบกับปีก่อนหน้า ส่วนการควบคุมค่าใช้จ่าย (OPEX) ทำได้ดี โดยค่าใช้จ่ายดำเนินงานลดลง 0.3% จากปีก่อนหน้า แต่เพิ่มขึ้น 4.4% จากไตรมาสก่อนหน้า อัตราส่วนต้นทุนต่อรายได้ (C/I ratio) อยู่ในระดับที่ควบคุมได้ดีที่ 43.4% ในไตรมาส 3/68 (เทียบกับ 45.7% ในไตรมาส 2/68)
คุณภาพสินทรัพย์ดีขึ้น NPL ลดลง 5.9% จากปีก่อนหน้าเป็น 5.3 พันล้านบาท โดยเป็นการลดลงของ NPL ในทุกกลุ่มสินเชื่อ ส่วน NPL ratio ลดมาที่ 2.31% สิ้นไตรมาส 3/68 (เทียบกับ 2.41% สิ้นไตรมาส 2/68 ) แม้ว่าสินเชื่อหดตัว ธนาคารตั้งสำรองในไตรมาส 3/68 สูงที่ 830 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 132% จากปีก่อนหน้า, 49% จากไตรมาสก่อน) หรือคิดเป็น credit cost 1.47% ในไตรมาส 3/68 (เทียบกับ 0.99% ในไตรมาส 2/68)
สอดคล้องกับแผนการทยอยเพิ่ม credit cost กลับสู่ระดับปกติในปี 68 และรองรับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ coverage ratio เพิ่มขึ้นเป็น 171% ณ สิ้นไตรมาส 3/68 (เทียบกับ 155% ณ สิ้นไตรมาส 2/68)
นอกจากนี้ คาดกำไรสุทธิไตราส 4/68 จะลดลงจากปีก่อนหน้าและจากไตรมาสก่อน แม้สินเชื่อจะฟื้นตัวตามฤดูกาล แต่ NIM มีแนวโน้มแคบลง จากไม่มีรายได้ดอกเบี้ยพิเศษ (ซึ่งเกิดขึ้นในไตรมาส 3/68), มีผลกระทบจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้
รวมถึงมีความเป็นไปได้ที่จะมีการลดดอกเบี้ยนโยบายอีกครั้งในไตรมาส 4/68 ด้านต้นทุนการเงินทยอยลดลง แต่ช้ากว่า yield ที่ลด ส่วน non-NII คาดว่าจะอ่อนลงจากไตรมาสก่อนหน้า ค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้นตามฤดูกาล แต่บางส่วนได้รับการชดเชยจากต้นทุนเครดิตที่ลดลง
ส่วนปี 69 มีแนวโน้มดีขึ้นจากต้นทุนเครดิตลดลง ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์คาดว่าการตั้งสำรองพิเศษจะสิ้นสุดในไตรมาส 4/68 สินเชื่อคาดว่าจะขยายตัวดีขึ้นตามภาพรวมเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ชัดเจนขึ้น ต้นทุนทางการเงินคาดว่าจะทยอยลดลง ส่งผลให้ NIM ขยายตัวได้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายดำเนินงานยังอยู่ในระดับควบคุมได้ และรายได้ค่าธรรมเนียมคาดว่าจะดีขึ้น แม้รายได้ non-NII ยังเป็นตัวแปรไม่แน่นอน โดยรวม คาดว่ากำไรสุทธิปี 69 จะเติบโต 1.0% จากปีก่อนหน้า (เทียบกับคาดว่าลดลง 3.9% ในปี 68)
พร้อมปรับคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิมถือให้ราคาพื้นฐานขึ้นเป็น 111 บาท คาดการณ์ dividend yield ปี 68-69 ไว้ที่ 7.5% ทั้งนี้ การเติบโตของกำไรในปี 69 ของ TISCO ที่ประมาณ 1% นั้นดีกว่าเฉลี่ยของกลุ่มธนาคารโดยรวมที่คาดว่ากำไรจะลดลง 10%