ดอลล์แข็งค่าหลังนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ปลอดภัย

สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเป็นวันที่ 2 เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) เนื่องนักลงทุนเทขายสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยและหันไปลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกทะยานขึ้นอย่างแข็งแกร่ง


สำนักข่าวอินโฟเควสท์รายงานว่า ค่าเงินยูโร (10 พ.ค.) อ่อนค่าลงเมื่อเทียบดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1367 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.1388 ดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่เงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.4429 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 1.4407 ดอลลาร์สหรัฐ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียเพิ่มขึ้นแตะระดับ 0.7353 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7317 ดอลลาร์สหรัฐ

ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบเยนที่ระดับ 109.33 เยน จากระดับ 108.45 เยน และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9760 ฟรังก์ จากระดับ 0.9709 ฟรังก์ ในขณะที่ขยับลงเมื่อเทียบดอลลาร์แคนาดาที่ระดับ 1.2931 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2976 ดอลลาร์แคนาดา

ดอลลาร์สหรัฐได้รับปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หลังจากมีรายงานว่า เหตุการณ์โจมตีแหล่งผลิตน้ำมันในไนจีเรียได้ส่งผลให้การผลิตน้ำมันภายในประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 22 ปี ขณะที่สถานการณ์ไฟป่าในแคนาดาได้ส่งผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันเช่นกัน

นอกจากนี้ ดอลลาร์สหรัฐยังได้รับปัจจัยหนุนจากการปรับตัวเพิ่มขึ้นของตลาดหุ้นสหรัฐและตลาดหุ้นตลอดทั้งเอเชีย ขณะที่เงินเยนได้รับแรงกดดันหลังรัฐมนตรีคลังของญี่ปุ่นระบุว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจจะเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา หากเงินเยนยังคงแข็งค่าอย่างต่อเนื่อง

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดนั้น กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า สต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งประจำเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 0.1% ส่วนยอดขายภาคค้าส่งเพิ่มขึ้น 0.7% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนเม.ย.2015

ขณะที่นักลงทุนจับตาดูข้อมูลแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยในวันพฤหัสบดี ทางการสหรัฐจะเปิดเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ส่วนวันศุกร์ สหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนเม.ย. และดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย.

Back to top button