THCOM ร่วงแรงสุดในรอบเกือบ 4 ปี หลังกสทช.จ่อดึงดาวเทียมไทยคมเข้าสัมปทาน

THCOM ร่วงแรงสุดในรอบ 3 ปี 8 เดือน วิตกกสทช.เตรียมดึงดาวเทียมไทยคม 7-8 เข้าสู่ระบบสัมปทาน ล่าสุด ณ เวลา 10.12น. ราคาอยู่ที่ 22บาท ลบ 1.30 บาท หรือ 5.58% สูงสุดที่ 22.50 บาท ต่ำสุดที่ 21.70 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 267.82 ล้านบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาหุ้นบริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) หรือ THCOM ณ เวลา 10.12น. ราคาอยู่ที่ 22บาท ลบ 1.30 บาท หรือ 5.58% สูงสุดที่ 22.50 บาท ต่ำสุดที่ 21.70 บาท มูลค่าซื้อขายที่ 267.82 ล้านบาท ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นไทยโดยรวมบวก 0.01%

โดยราคาหุ้น THCOM ปรับตัวลงจากประเด็นที่ กสทช.และรัฐบาลจะหารือเพื่อดึงดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 กลับสู่ระบบสัมปทานเพื่อให้จ่ายส่วนแบ่งรายได้ 20.5% เช่นเดิมจนถึงปี 2564 ซึ่งจะกระทบต่อการบันทึกรายได้ของบริษัท ซึ่งถือเป็นการปรับตัวลงแรงสุดในรอบ 3 ปี 8 เดือน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 22 บาท เมื่อวันที่ 31 ต.ค.2555

บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (21 มิ.ย.) ว่า THCOM ถูกกดดันจากข่าวที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และรัฐบาลจะหารือเพื่อดึงดาวเทียมไทยคม 7 และ 8 กลับสู่ระบบสัมปทานเพื่อให้จ่ายส่วนแบ่งรายได้ 20.5% เช่นเดิมจนถึงปี 2564 (ระบบใบอนุญาตจ่ายค่าธรรมเนียม 5.25%) หรือทำสัญญาใหม่เพื่อให้จ่ายค่าธรรมเนียมเพิ่มและให้ภาครัฐใช้บริการฟรี

ทั้งนี้ในแง่ข้อกฎหมายไม่คิดว่าจะทำได้เนื่องจากใบอนุญาตที่ THCOM ได้รับถูกต้องและมาจากกฎหมายพ.ร.บ.กสทช. เว้นแต่เพียงว่ารัฐบาลจะใช้ ม.44 กรณีเลวร้ายสุดที่ต้องกลับไปจ่ายส่วนแบ่ง 20.5% จะทำให้กำไรสุทธิลดลงราว 8.5% หรือกรณีให้ภาครัฐใช้ดาวเทียมฟรีซึ่งปัจจุบัน TOT ใช้งาน IPSTAR อยู่ จะกระทบกำไรสุทธิราว 20%

โดยแนะนำ “หลีกเลี่ยง” การลงทุนจากความไม่แน่นอน ด้าน Regulation สูงทำให้ประมาณการกำไรมี Downside จากปัจจุบันที่คาดโตเฉลี่ยเพียง 3% เมื่อเทียบปีต่อปี ในช่วง 5 ปีข้างหน้า 

 

ด้าน บล.เอเชีย พลัส ระบุว่า ได้ศึกษาผลกระทบต่อประมาณการกำไรเบื้องต้นในปี 2560-61  คาดว่าจะลดลงราว   8.1% ต่อปี และจะกระทบมูลค่าพื้นฐานราว 2 บาท หรือจะเหลือ 30 บาทต่อหุ้น  อย่างไรก็ตามเชื่อว่า THCOM จะปฏิเสธข้อเสนอของรัฐฯ และมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมในอนาคต เนื่องจากดาวเทียม 2 ดวงดังกล่าวมีการทำสัญญาผูกพันระหว่างภาครัฐฯและเอกชนให้อยู่ภายใต้ระบบใบอนุญาตอยู่แล้ว ทั้งนี้ ยังต้องติดตามพัฒนาการต่อ

ทั้งนี้ THCOM อาจเผชิญต้นทุนที่สูงขึ้น จากการที่รัฐมีโอกาสผลักดันให้ ดาวเทียมไทยคม 7 และ 8  กลับมาอยู่ภายใต้เงื่อนไขสัมปทานเดิม   จากปัจจุบันที่ใช้ระบบใบอนุญาต  ทั้งนี้ภายใต้ระบบสัมปทาน THCOM มีภาระต้องจ่ายค่าสัมปทานให้รัฐราว 20.5% ของรายได้  เช่นเดียวกับที่ดาวเทียมดวงอื่น ๆ  ที่อยู่ใต้สัมปทานในปัจจุบัน คือ ไทยคม 4,5 และ 6 ขณะที่ต้นทุนใบอนญาตที่ดาวเทียมดวง 7 และ 8 ให้บริการอยู่ในปัจจุบัน (ดวง 7 ระหว่างปี 255-2575 และ ดวง 8 ระหว่างปี 2559-2575) มีค่าใบอนุญาตเพียง  5.25%  ดังนั้นหากเกิดขึ้นจริงจะกระทบต่อประมาณการรายได้ และ กำไร นับจากนี้เป็นต้นไป รวมถึงกระทบต่อมูลค่าหุ้นภายหลังจากการปรับประมาณการลงแล้วดังกล่าวข้างต้นก็ตาม 

หลังจากวานนี้นักวิเคราะห์ได้ปรับลดประมาณการกำไรปกติปี 2559-2560 ของ THCOM ลงเฉลี่ยปีละ 14%  สะท้อนการที่ลูกค้ารายหนึ่ง คือ CTH ยกเลิกการใช้ดาวเทียมไทยคม 5 และ 6 ทรานสปอนเดอร์ (สร้างรายได้ปีละ 400 ล้านบาท)  และ ต้องปรับมูลค่าพื้นฐานลง 22% ทำให้มูลค่าพื้นฐานใหม่ปีนี้ที่ 32 บาท  อย่างไรก็ตามการปรับลดประมาณการกำไรของ THCOM ดังกล่าว  จะกระทบต่อ การบันทึกรายได้ของบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH ในฐานะที่เป็นบริษัทแม่ และ ถือหุ้น THCOM ราว 41.4% ของทุนเรียกชำระแล้ว  กล่าวคือ การปรับลดประมาณ THCOM  ลงดังกล่าว จะทำให้กำไรสุทธิในปี 2559 และ 2560  ลดลงราวปีละ 1% ใกล้เคียงกัน และกระทบมูลค่าหุ้นเพียง 1 บาท เหลือ 74 บาท จึงยังแนะนำซื้อ  เพื่อรับเงินปันผล 7.51%  ขณะที่ราคาหุ้นยังมี P/E ต่ำเพียง 13.2 เท่า และ มี upside  40%

Back to top button