ความเชื่อมั่น

เมื่อวานนี้ ฟางเส้นเดียวอย่างกรณีของการขาดความเชื่อมั่นหุ้นบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เกี่ยวกับหมายเหตุของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตประกอบงบการเงินอันชวนให้สงสัย ทำเอาตลาดหุ้นเสียศูนย์ไปตามๆ กัน จนกระทั่งดูเหมือนว่าการขายจะเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลไปทั่วทั้งตลาด


 

พลวัต 2017 : วิษณุ โชลิตกุล

 

เมื่อวานนี้ ฟางเส้นเดียวอย่างกรณีของการขาดความเชื่อมั่นหุ้นบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) หรือ GL เกี่ยวกับหมายเหตุของผู้สอบบัญชีรับอนุญาตประกอบงบการเงินอันชวนให้สงสัย ทำเอาตลาดหุ้นเสียศูนย์ไปตามๆ กัน จนกระทั่งดูเหมือนว่าการขายจะเกิดขึ้นอย่างไร้เหตุผลไปทั่วทั้งตลาด

แม้ว่าตลาดรีบาวด์กลับมาตอนท้าย และพยายามปิดบวก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า ตลาดหุ้นไทยจะมีดัชนีกลับเป็นขาขึ้นเร็ววัน หรือ เป็นขาขึ้นดอยฉับพลันทันที

เหตุผลเดียวที่นำมาใช้อธิบายกรณีแรงขายดังกล่าว คือความเชื่อมั่นที่ถูกบั่นทอนลง

ข้อสรุปนี้ คือคำอธิบายถึงสาเหตุของโอกาสว่าเหตุใด หุ้นไทยรอบเดือนมานี้ถึงได้ซึมยาว เพราะด้านหนึ่ง มีแรงเทขายของต่างชาติ อีกด้านหนึ่ง นักลงทุนในประเทศขาดความเชื่อมั่นในอนาคตของตลาด ทำให้โอกาสขึ้นของตลาดหุ้นไทยในหลายสัปดาห์มานี้เต็มไปด้วยความยากลำบาก

แม้นักวิเคราะห์สำนักต่างๆ ยังคงให้ความมั่นใจว่า การถดถอยลงแบบซึมยาวของดัชนีตลาดหุ้น จะยังคงเป็นสิ่งที่เกินเลย เพราะผลประกอบการของหุ้นส่วนใหญ่ยังไปได้สวยที่จะทำให้มูลค่าทางบัญชีของกิจการยังดีอยู่ต่อไป แต่การขาดข่าวดี (ข่าวการทำลายล้างวัดพระธรรมกาย ไม่ใช่ข่าวดีแน่นอน ไม่ว่าจะมองจากมุมไหน ยกเว้นมุมของอำนาจรัฐที่กระเหี้ยนกระหือรือเหลือกำลัง) ที่ทำให้หุ้นพากันวิ่งขึ้นแบบยกแผง ยังไม่เกิดขึ้น

วอลุ่มซื้อขายประจำวันที่หดหายไปเป็นภาพที่เห็นได้ชัดถึงความไม่มั่นใจของนักลงทุนที่โดดเด่น ไม่ใส่ใจกับคำชี้ชวนของบรรดานักวิเคราะห์พากันบอกว่า ราคาหุ้นต่ำมากเกินขนาดไปแล้ว โดยเฉพาะหุ้นที่ผู้บริหารขยันสร้างงานและผลประกอบการรองรับการเติบโตในอนาคตจำนวนมาก

มองในมุมกว้าง นี่คือการสูญเสียโอกาสในการซื้อที่สำคัญพอสมควร เพราะจนถึงขณะนี้ ถือว่าราคาหุ้นต่ำเกินสมควรแล้วจริงๆ ไม่ได้สะท้อนความแข็งแกร่งของสุขภาพทางการเงินแต่อย่างใดเลย

คำถามสำคัญคือว่าแล้วความเชื่อมั่นจะกลับมาได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่ว่าภาวะโดยรวมและการกลับมาของนักลงทุนต่างชาติ ดูเหมือนจะเป็นตัวแปร ที่สำคัญอย่างขาดเสียไม่ได้ ทั้งที่โดยข้อเท็จจริงแล้ว การลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ปัจจุบัน ไม่ได้มีนัยสำคัญต่อดัชนีราคามากหมายเหมือนในอดีตแต่อย่างใด

ข้อเท็จจริงที่น่าสนใจก็คือ ในยามที่นักลงทุนรายย่อยไทยไม่ค่อยเชื่อมั่นตลาดของตนเองยามนี้นั้น ตลาดหุ้นต่างประเทศในเอเชียหลายตลาด โดยเฉพาะฮ่องกงและจีน กลับเริ่มกลับมาคึกคัก แม้จะด้วยเหตุผลที่ต่างออกไปในรายละเอียดอยู่บ้าง

คำถามเกี่ยวกับความเชื่อมั่นในการลงทุน จึงมีความหมาย ทำนองเดียวกันกับความเชื่อมั่นในนักการเมืองซึ่งจะตัดสินอนาคตที่สำคัญเกี่ยวกับสินค้าสาธารณะของประเทศในระยะต่อไปทีเดียว

ประเด็นคำถามที่ตามมา คือ ภายใต้สถานการณ์ที่ความเชื่อมั่นนักลงทุนถดถอย และกระแสฟันด์โฟลว์มีแนวโน้มไหลออกจากการขึ้นดอกเบี้ยในสหรัฐฯ เพราะเศรษฐกิจอเมริกาเป็นขาขึ้นระลอกใหม่ จะเกิดการพลิกผันที่ทำให้ตลาดหุ้น ไทย สามารถพลิกกับมาเป็นขาขึ้นรอบใหม่ได้หรือไม่

คำตอบก็คือเป็นไปได้ มากกว่าเป็นไปไม่ได้ แต่ไม่ใช่ในฉับพลัน เพราะมีปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน และคำแนะนำของบรรดานักวิเคราะห์ หรือผู้จัดการกองทุน ที่มองเห็นว่าเป็นโอกาสซื้อมากกว่าการตื่นตระหนกขาย เป็นการส่งสัญญาณที่ชวนให้ตั้งคำถามพอสมควร ว่าเพียงพอกับแรงจูงใจในการสะสมหุ้นเพื่อรอวันดีดกลับครั้งใหม่มากพียงใด

คำถามตามมาก็คือ จะซื้อหุ้นตัวไหน ที่ให้ผลตอบแทนรวดเร็ว

คำตอบคือการเข้าซื้อหุ้นที่นักลงทุนนิยมและมีโอกาสเด้งกลับตัวรวดเร็ว ซึ่งข่าวหุ้นธุรกิจ ได้สำรวจดูจากความเคลื่อนไหวในอดีต พบว่ามีตัวอย่างหุ้นประมาณ 10 ตัวที่น่าสนใจและเข้าข่ายดังกล่าว

สำหรับประเด็นเรื่องฟันด์โฟลว์ ในอดีต การเคลื่อนย้ายเงินจากตลาดที่ปรับตัวสูงมากอย่าง TIPs และโตเกียว ไปสู่ตลาดที่ยังมีลักษณะ laggard  หรือขึ้นช้าอยู่โดยเฉพาะตลาดฮ่องกง เกาหลีใต้และอื่นๆ จะมีการอ้างเหตุผลว่าด้วยค่า ฟอร์เวิร์ด ของตลาดต่างๆ เปรียบเทียบกัน โดยดูจากค่าพี/อีเป็นสำคัญ

เหตุผลในการนำมาอ้าง บางครั้ง แม้จะดูไม่สอดคล้องกันมากนัก เพราะว่าไปแล้วเป็นแค่ข้ออ้างมากกว่าข้อเท็จจริง  เพราะในทางปฏิบัติแล้ว ตลาดเก็งกำไรทุกแห่ง มีประเด็นว่าด้วยความเชื่อมั่นมากกว่าเรื่องอื่นๆ

กระบวนการสร้างความเชื่อมั่นในการลงทุนเก็งกำไร มีการพูดถึงมากมาย แต่นั่นไม่สำคัญเท่กับ “อารมณ์ตลาด” ที่บางครั้งมีเหตุผล บางครั้งไม่มีเหตุผล ถือเป็นความไม่สมเหตุสมผลกันอย่างมีนัยสำคัญ

สำหรับความเชื่อมั่นนั้น แม้องค์ประกอบจะมีลักษณะเป็นนามธรรมมากพอสมควร แต่หากเข้าใจและมองเห็นทะลุปรุโปร่ง โอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะกลายเป็นภาวะกระทิงรอบใหม่ก็ไม่ไกลเกินเอื้อม หากไม่กลัวเกินเหตุ

แล้วก็เช่นกัน โอกาสที่จะเป็นภาวะหมีก็เป็นไปได้ หากประมาทเกินไป

Back to top button