CHO บุพเพอาละวาด

ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด ไวยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม สำหรับคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.เรื่องประมูลตั๋วรถเมล์ ที่จะทำให้อนาคตของกระเป๋ารถเมล์สิ้นไปภายใน 5 ปีข้างหน้า


แฉทุกวัน ทันเกมหุ้น

 

ไม่ต้องต่อความยาวสาวความยืด ไวยิ่งกว่ากามนิตหนุ่ม สำหรับคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) ขสมก.เรื่องประมูลตั๋วรถเมล์ ที่จะทำให้อนาคตของกระเป๋ารถเมล์สิ้นไปภายใน 5 ปีข้างหน้า

การประชุมบอร์ด ขสมก. เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม ได้มีมติเอกฉันท์ เห็นชอบให้ ขสมก.ดำเนินการลงนามสัญญาในโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์ พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ (e-Ticket) บนรถโดยสารประจำทางจำนวน 2,600 คัน ระยะสัมปทาน 5 ปี ซึ่ง บริษัท ช.ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO เป็นผู้ชนะประมูลในวงเงิน 1,665 ล้านบาท ต่ำกว่าราคากลาง 121 ล้านบาท

ไม่ต้องเสียเวลาไปโอ้เอ้เพื่อหาเรื่องยกเลิกในภายหน้าให้เยิ่นเย้อ เหลืออย่างเดียวคือดูฤกษ์เซ็นสัญญาเป็นทางการตามเงื่อนไขหรือ TOR หลังจากมีการเซ็นสัญญาแล้ว CHO จะต้องติดตั้งระบบที่ใช้สแกนบัตรโดยสาร (e-Ticket) และเครื่องเก็บค่าโดยสาร (Cash Box) ในรถโดยสารจำนวน 100 คันแรกภายใน 120 วัน

ส่วนล็อตที่ 2 จำนวน 700 คัน ทยอยติดตั้งระบบที่ใช้สแกนบัตรโดยสารก่อนให้ครบภายในวันที่ 1 ต.ค.60 หรือภายใน 180 วัน นับจากวันลงนามสัญญา เพื่อเริ่มให้บริการและเชื่อมโยงกับระบบตั๋วร่วม หรือบัตรแมงมุม

จากนั้นจึงทยอยติดตั้งให้ครบ 2,600 คัน ภายใน 1 ปี แล้วก็ดูแลซ่อมบำรุงกันไปจนครบ 5 ปี ซึ่งจะทำให้ระบบตั๋วรถ      ขสมก.ทุกคัน เป็นระบบดิจิตอลทั้งหมดทั่ว กทม.และชานเมือง

หมดยุคกระเป๋าหรือกระปี๋ถือกระบอกตั๋วเสียที (ไม่นับรถร่วม ซึ่งไม่ได้เอ่ยถึงในสัญญานี้)

งานนี้เรียบร้อยโรงเรียน CHO ไป 1 เรื่อง เพราะดูเหมือนว่า “เสี่ยจิง” นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CHO จะมุ่งมั่น “รักจริงหวังแต่ง” กับ ขสมก. มานานกว่า 4 ปีแล้ว

เรื่องอื่นที่ CHO ยังไม่ยอมเลิกรา แม้จะมีคนตั้งคำถามว่าเป็นเรื่องของ “เจ็บแล้ว ไม่จำ” ก็คือเรื่องการประมูลรถโดยสารที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิง (เอ็นจีวี) จำนวน 489 คันรอบที่สาม ที่เพิ่งขายซองประมูลรอบใหม่ มีเอกชนสนใจซื้อซองประกวดราคาทั้งหมด 12 ราย ที่ CHO เองก็ยังเข้าร่วมซื้อซองกับเขาด้วย เรียกว่า งานนี้ไม่มีเข็ด

แม้ว่าหนึ่งในบริษัทที่เข้ามาซื้อซองประมูล จะมีชื่อของบริษัท เบสท์ริน กรุ๊ป จำกัด ที่เคยถูกขึ้นบัญชีหนังสุนัขไปแล้ว เพราะไม่สามารถส่งมอบรถตามเงื่อนไขหลังชัยชนะในการประมูลรอบ 2         ซึ่ง…..นายสมศักดิ์ ห่มม่วง รองปลัดกระทรวงคมนาคม ที่รักษาการณ์ ผอ.ขสมก.ชั่วคราว บอกว่า …ซื้อซองได้ก็ซื้อไป….แต่จะต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นขั้นแรกก่อน แล้วยังมีอีกหลายขั้นตอน กว่าจะสรุปผลการประมูลวันที่ 27 มิถุนายน 

หลังจากสรุปผล ก็จะนำเสนอบอร์ด ขสมก.ในวันที่ 28 มิถุนายน เพื่อให้ลงนามสัญญาเดือน ก.ค.60 และส่งมอบรถโดยสารภายในวัน 90 วัน หรือเดือน ต.ค.นี้ หลังจากล่าช้ามา 2 ปีเศษ 

แม้จะยังไม่รู้ว่ามีลุ้นหรือไม่กับการประมูลรอบ 3 นี้ แต่การรู้ว่าราคาชนะประมูลรอบ 2 ที่เครือบริษัท เบสท์รินฯ เป็นผู้ชนะ ด้วยวงเงินรวม 3,387 ล้านบาท ก็เป็นโจทก์ที่ง่ายกว่าเดิม แม้จะหินกว่าเดิม… ก็ทำให้ความหวังของเสี่ยจิง ไม่ถึงกับฝ่อไปเสียทีเดียว

การอกหักชนิดซี่โครงยุบหลายซี่ในการประมูลรถโดยสารเอ็นจีวีรอบแรก ที่เกิดจากความไม่เอาไหนของบอร์ด ขสมก.ที่นอกจากขี้ขลาดและบ้องตื้นกับการตั้ง TOR ประมูล ที่ CHO ชนะในมูลค่าผลิตและประกอบรถเมล์ 1.5 พันล้านบาทเศษ  พร้อมกับสัญญาซ่อมบำรุงอีกประมาณ 2.2 พันล้านบาทภายใน 10 ปีข้างหน้า (รวมแล้วประมาณ 3.7 พันล้านบาท)… เป็นตำนานที่เล่ากี่ครั้งก็ยังขำไม่รู้จบ แต่คงไม่เกิดซ้ำให้ขายขี้หน้าอีก

เพียงแต่ประสบการณ์จากการประมูลครั้งนั้น ทำให้เสี่ยจิงเก็บอาการเก่งกว่าเดิมหลายเท่า ไม่ยอมพูดถึง เพราะแถลงข่าวทีไรก็พยายามพูดแต่เรื่อง “เก็บเบี้ยใต้ถุนร้าน”….ไปพลางๆ

ล่าสุด แม้ไตรมาสแรกปีนี้จะมีตัวเลขกำไรสุทธิไม่มาก 73.28 ล้านบาท พลิกจากปีก่อนทั้งปีที่ขาดทุนสุทธิ 91.29 ล้านบาท เสี่ยจิงก็ย้ำอีกให้บรรดาขาประจำ “ชาวดอย” ที่ติดหุ้น CHO ในราคาสูงปรี๊ด ใจชื้นขึ้นมานิดหน่อยว่า ปีนี้จะกลับมามีกำไรสุทธิแน่นอน เพราะแผนงานเดินหน้าลดต้นทุนต่อเนื่อง ขณะที่คงเป้ารายได้ปีนี้เติบโตราว 5-10% จาก 1,079 ล้านบาทในปีก่อน เนื่องจากมีงานในมือ (Backlog)  697 ล้านบาทที่จะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดในปีนี้ อีกทั้งยังรอเซ็นสัญญาอีก 3 โครงการ มูลค่ารวม 1,955 ล้านบาท (ย้ำชัดว่างานใหม่ถือว่ามีมาร์จิ้นที่ดีมาก)  และเจรจาขายที่ดิน 32 ไร่ที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เป็นแผนเสริม…. ซึ่งหากสำเร็จก็จะทำให้มีกำไรพิเศษเข้ามาภายในปีนี้

กำไรนี้ เสี่ยจิง คนไม่เคยโลเล หรือโม้ (เพราะเป็นคนเมืองเดียวกับสมรักษ์ คำสิงห์) บอกว่าจะทำให้ CHO สามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีอยู่ราว 86 ล้านบาทได้เกือบหมดในปีนี้ เพื่อเตรียมกลับมาจ่ายเงินปันผลได้ตามเดิม หลังจากหยุดจ่ายไปเมื่องวดบัญชีปีก่อน

เอาไว้วันที่ 27 มิถุนายน ที่จะถึง มาว่ากันอีกที ว่าเสี่ยจิง จะเจอแจ็กพ็อตอะไรบ้าง หรือจะมีบุพเพอาละวาดรอบที่สอง โป๊ะเชะ!!!!

ตะลึง..ตึง..ตึง…

 

Back to top button