โควิดปิดกอง SHREIT.!

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT ถือเป็นช่องทางหนึ่งของนักลงทุนที่จะแสวงหากำไร และในอีกแง่มุมการระดมทุนขายสินทรัพย์เข้ากองรีท เพื่อเอาเงินไปขยายกิจการ


สำนักข่าวรัชดา

ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์แบบต่ออายุได้เพื่อธุรกิจโรงแรมและสิทธิการเช่าสตราทีจิก ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ SHREIT ถือเป็นช่องทางหนึ่งของนักลงทุนที่จะแสวงหากำไร และในอีกแง่มุมการระดมทุนขายสินทรัพย์เข้ากองรีท เพื่อเอาเงินไปขยายกิจการ

แต่ในจังหวะที่โควิด-19 ออกอาละวาดหนัก หลายประเทศต้องออกมาตรการล็อกดาวน์ ปิดเมือง สกัดการแพร่ระบาด ทำให้การเดินทางทั่วโลกหยุดชะงัก ธุรกิจที่พึ่งพาการท่องเที่ยวรายได้กลายเป็นศูนย์…

ส่งผลให้ SHREIT ซึ่งลงทุนในโรงแรม 3 แห่ง ได้แก่ โรงแรม Pullman Jakarta Central Park ประเทศอินโดนีเซีย โรงแรม Capri by Frasers และโรงแรม IBIS Saigon South ประเทศเวียดนาม ผ่านบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited (SHH) และบริษัท Strategic Hospitality Holding Limited 2 (SHH2) บอบช้ำหนัก…

เริ่มเห็นลางร้าย…เมื่อโควิด-19 ฉุดงบงวดไตรมาส 1/63 ของ SHREIT กำไรสุทธิลดฮวบเหลือแค่ 33 ล้านบาท ลดลง 47.53% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 64 ล้านบาท ส่วนรายได้รวมลดลง 30.10% อยู่ที่ 85 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 122 ล้านบาท

ซ้ำร้ายผู้สอบบัญชีไม่แสดงความคิดเห็นต่องบงวดดังกล่าว เนื่องจากสถานการณ์ยังมีความไม่แน่นอน…เป็นเหตุให้ตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องแขวนป้าย SP…

เมื่อแอสเซททำเงินไม่ได้…โอกาสฟื้นตัวอาจต้องใช้เวลาอีกสักพัก ส่วนที่จะลงทุนใหม่ก็ไม่รู้จะได้หรือเปล่า..? สุดท้าย  SHREIT ก็เลยตัดใจปิดจ๊อบขายสินทรัพย์ เพื่อนำเงินมาคืนผู้ถือหน่วยลงทุน

จะเรียกว่า ยอมเจ็บ…เพื่อจบ ก็คงไม่ผิดนัก..!!

ล่าสุด ที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ให้ความเห็นว่า ราคาที่ LT Rubicon Limited เสนอซื้อสินทรัพย์ (SHH และ SHH2) ของ SHREIT ที่ 118 ล้านเหรียญสหรัฐ ถือเป็นราคาที่เหมาะสมแล้ว เนื่องจากมีมูลค่าสูงกว่าที่ IFA ประเมินได้ ซึ่งอยู่ที่ 106.8 ล้านเหรียญสหรัฐ

โดย IFA ระบุว่า การเข้าทำรายการในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ถือหน่วยลงทุน มีความเหมาะสมทั้งด้านราคาและเงื่อนไขการทำรายการ ดังนั้น ผู้ถือหน่วยลงทุนควรอนุมัติขายสินทรัพย์ รวมทั้งอนุมัติปิดกอง ซึ่งมีกำหนดชี้ชะตาวันนี้ (25 มิ.ย.63)

บทเรียนครั้งนี้…จะโยนบาปเป็นความผิดพลาดของผู้บริหารทั้งหมดก็คงไม่ใช่ซะทีเดียว…เพราะโควิด-19 มันเป็นเหตุการณ์สุดวิสัยที่ไม่มีใครคาดคิดว่า ปี 2020 จะเกิดเชื้อไวรัสมรณะระบาด และกระแทกมายังเศรษฐกิจรุนแรงขนาดนี้

ก็ถือเป็นความผิดของทุกฝ่ายนั่นแหละ…ผู้บริหารก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์นี้ ฟากนักลงทุนเองก็ไม่คาดคิดว่าจะจบแบบนี้…

สุดท้ายก็ต้องรับสภาพบาดเจ็บกันทุกฝ่าย…

กลายเป็น “โควิด…ปิดกอง SHREIT” เรียบร้อยโรงเรียนจีน..!!

แต่ไม่แน่โอกาสหน้าฟ้าใหม่อาจจะเข้าตลาดฯ ใหม่ อีกแบบหนึ่งก็ได้…ใครจะไปรู้

ก็หวังว่า จะไม่มีกองรีทไหนติดโควิด-19 ซ้ำรอย SHREIT อีกนะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button