TNDT แตกไลน์เติมกำไร

บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT เป็นหุ้นโนเนม...ถูกมองข้ามหัวมาโดยตลอด..!!


สำนักข่าวรัชดา

บริษัท ไทย เอ็น ดี ที จำกัด (มหาชน) หรือ TNDT เป็นหุ้นโนเนม…ถูกมองข้ามหัวมาโดยตลอด..!!

ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเป็นหุ้นตัวเล็ก แถมสภาพคล่องของหุ้นมีน้อย…ทำให้มูลค่าการซื้อขายในแต่ละวันแห้งเหี่ยว บางวันเทรดกันไม่ถึงหลักล้านบาทด้วยซ้ำ

ที่จริง TNDT เป็นหุ้นที่ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่อะไร ผลประกอบการยังมีกำไร แต่โตไม่หวือหวาก็เท่านั้น…

ดูได้จากผลประกอบการช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ยังมีกำไรต่อเนื่อง โดยปี 2559 มีรายได้รวม 345 ล้านบาท กำไรสุทธิ 24 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้รวม 320 ล้านบาท กำไรสุทธิ 21 ล้านบาท แต่มาสะดุดในปี 2561 ที่มีรายได้รวม 315 ล้านบาท พลิกมาขาดทุนสุทธิสูงถึง 87 ล้านบาท และปี 2562 มีรายได้รวม 342 ล้านบาท กลับมามีกำไรสุทธิ 21 ล้านบาท

สาเหตุที่ทำให้ TNDT มีดี…แต่ไร้เสน่ห์ เป็นเพราะธุรกิจหลักให้บริการทดสอบและตรวจสอบด้านความปลอดภัยทางวิศวกรรมแบบไม่ทำลาย เป็นตลาดนีชมาร์เก็ต มีลูกค้าเฉพาะกลุ่ม เช่น โรงกลั่น แท่นขุดเจาะ โรงแยกก๊าซ โรงงานพัฒนาเครื่องจักร

ขณะที่การแข่งขันค่อนข้างสูง ทำให้มาร์จิ้นต่ำ จึงกลายเป็นข้อจำกัดในการ Growth

ดังนั้น หากไม่ทำอะไรเลย ก็สุ่มเสี่ยงที่จะประสบปัญหางบแคระแกร็นลงเรื่อย ๆ

ที่ผ่านมา TNDT รู้ถึงปัญหานี้ดี ก็เลยพยายามแตกไลน์ไปหาธุรกิจใหม่ ๆ เพื่อสร้างโอกาสในการ Growth…

ก่อนหน้านี้ ก็ไปลงทุนธุรกิจโรงไฟฟ้าถ่านหินที่พม่า กำลังการผลิต 20 เมกะวัตต์ เพื่อสร้างการ Growth ทั้งรายได้และกำไร

รวมทั้งมีการศึกษาการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อปให้กับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศอีกด้วย

ซึ่งยังอยู่ในไลน์ของธุรกิจพลังงาน…

ขณะที่ความเคลื่อนไหวล่าสุดของ TNDT ไปจับมือกับพันธมิตรอินโดนีเซียตั้งบริษัทร่วมทุน TNDT INSPECTION AND CONSULTATION เพื่อรองรับธุรกิจด้านพลังงาน การบำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ และธุรกิจอื่นที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นที่ปรึกษา ในประเทศอินโดฯ โดย TNDT ถือหุ้น 95% และพันธมิตรอินโดฯ ถือหุ้น 5%

เป็นการสร้างรายได้อีกขาหนึ่งควบคู่กับงานหลักที่ทำอยู่…

เบื้องต้น TNDT คาดจะเริ่มรับรู้รายได้ตั้งแต่ปี 64 อยู่ที่หลักร้อยล้านบาท

ก็น่าจับตา กลยุทธ์ “แตกไลน์เติมกำไร” จะช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับ TNDT ได้มากน้อยแค่ไหน..?

ถ้าปังก็คงทำให้หุ้น TNDT อยู่ในเรดาร์ของนักลงทุนมากขึ้น..!!

หลังจากประเดิมไตรมาสแรกปี 63 ด้วยตัวเลขขาดทุนสุทธิ 1.3 ล้านบาท ลดลง 113.67% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9.5 ล้านบาท และมีรายได้รวม 81.26 ล้านบาท ลดลง 7.18% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 87.55 ล้านบาท

เป็นไปได้ว่า อาจได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่า ไตรมาส 2 นี้จะฟื้นหรือไม่..?

ยังไงก็เอาใจช่วยนะคะ “มาดามชมเดือน ศตวุฒิ”

…อิ อิ อิ…

Back to top button