พาราสาวะถี

เชื่อแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับปราบโกง คือการปราบหน่วยงานตรวจสอบการโกงไม่ให้มีปากมีเสียง ไม่หือไม่อือกับทุกเรื่องที่สังคมตั้งข้อกังขา


เชื่อแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นฉบับปราบโกง คือการปราบหน่วยงานตรวจสอบการโกงไม่ให้มีปากมีเสียง ไม่หือไม่อือกับทุกเรื่องที่สังคมตั้งข้อกังขาโดยเฉพาะกับการจัดซื้อจัดจ้างภายใต้รัฐบาลสืบทอดอำนาจ ล่าสุดกับชุดตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยตัวเอง Antigen test kits หรือ ATK 8.5 ล้านชุด ที่มีการยกโขยงกันแถลงยืนยันถึงความโปร่งใสในการจัดซื้อและประสิทธิภาพของชุดตรวจที่บริษัทผู้ชนะการประมูลจะนำเข้ามาด้วยราคาที่ถูกกว่าผู้เข้าร่วมรายอื่น ๆ

เมื่อยืนยันว่าของดี ใช้ได้ แต่ทำไมผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงมีข้อสั่งการผ่านที่ประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยมีประเด็นสำคัญคือ การเร่งดำเนินการจัดหาชุดตรวจ ATK ที่ผ่านการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาหรืออย. มีจำหน่ายในไทย มีคุณภาพตามมาตรฐานสากล ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก หรือ WHO รวมทั้งต้องมีความแม่นยำในการตรวจเพื่อนำไปสู่การรักษาที่ทันท่วงที และพร้อมจัดส่งให้ได้ภายในเวลาที่กำหนด

ข้อสั่งการดังกล่าวของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ เป็นการการันตีว่าไม่สบายใจต่อข้อครหาที่เกิดขึ้นต่อการจัดซื้อชุดตรวจ ATK ดังกล่าว โดยการระบุแบบจำเพาะเจาะจงว่าคุณสมบัติของชุดตรวจที่จะต้องได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก มันหมายถึงว่าการเตรียมจะเซ็นสัญญาระหว่างองค์การเภสัชกรรมกับบริษัท ออสท์แลนด์ แคปปิตอล จำกัด ผู้ชนะการประมูล จะดำเนินการไปต่อไม่ได้ เนื่องจากชุดตรวจ ATK ของ Lepu ที่บริษัทจะนำเข้ามานั้น ไม่ได้รับการรับรองจาก WHO

อย่างไรก็ตาม ท่วงทำนองดังกล่าวหากเอาจริงเอาจังก็จะต้องชะลอการดำเนินการไป จนกว่าชุดตรวจดังว่าจะได้รับการรับรองจาก WHO แน่นอนว่าเหตุผลอันสุดคลาสสิคจากฝ่ายที่จัดซื้อคือไม่ทันต่อความจำเป็นที่จะใช้ ถ้าเช่นนั้นก็หลับหูหลับตาปล่อยผ่านกันไปก่อน กรณีนี้ชมรมแพทย์ชนบทได้ตั้งข้อสังเกตไว้น่าสนใจ โดย นายแพทย์สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ประธานชมรมระบุว่า ที่มีการยกทีมทั้ง กระทรวงสาธารณสุข อย. อภ. สปสช. และรามาธิบดี แถลงข่าวยืนยันการจัดซื้อดังกล่าว สะท้อนชัดว่า การประมูลครั้งนี้ไม่ธรรมดา

หากทางกระทรวงสาธารณสุขจะอาศัยโอกาสที่มีการร้องเรียนถึงข้อกังขาในคุณภาพของ ATK ที่ผ่านการประมูล ก็สามารถทดสอบชุดตรวจ ATK LEPU และยี่ห้ออื่นใดในสนามจริงได้ ใช้เวลาเพียง 3-4 วันก็ทราบผลว่าชุดตรวจ ATK ดังกล่าว มีประสิทธิภาพจริงดังที่ระบุไว้หรือไม่ แต่กลับไม่ทำ คงเพราะไม่มั่นใจในผลการทดสอบในสนามจริงเช่นกัน ข้อมูลจากการวิจัยที่ปากีสถานในวารสาร Virology Journal ที่ศึกษาในกลุ่มตัวอย่าง 33,000 คน สรุปชัดเจนให้ยกเลิกการใช้ ATK ยี่ห้อ LEPU เพราะมีผลการตรวจที่ไม่แม่นยำ

กระทรวงสาธารณสุขได้ยกทุกองคาพยพมาแถลงข่าวเพื่อยืนยันการจัดซื้อต่อไปว่าถูกต้องตามขั้นตอนแล้ว กรณีนี้ชมรมแพทย์ชมบทมองว่า การทำถูกต้องตามขั้นตอนไม่ได้แปลว่าจะได้ของดีมีคุณภาพที่ราคาเหมาะสมเสมอไป อาจมีผลประโยชน์แอบแฝงหรือได้สินค้าที่คุณภาพไม่ดีพอกับสถานการณ์วิกฤติมาใช้ก็เป็นได้ ดังนั้น ชมรมแพทย์ชนบทจึงเห็นว่า กระทรวงสาธารณสุขยังไม่พยายามปกป้องภาษีประชาชนอย่างเต็มกำลัง

สิ่งที่ชมรมแพทย์ชนบทจะดำเนินการคือ ร่วมกับเครือข่ายภาคประชาชนที่ได้ปฏิบัติการบุกกรุงทั้ง 3 ครั้ง ออกแบบปฏิบัติการครั้งที่ 4 ระดมทีมปฏิบัติการ 60 ทีมในทุกภาค เพื่อเข้าตรวจสอบชุดตรวจ ATK ที่ได้รับการประมูลว่ามีคุณภาพทั้ง sensitivity และ specificity ดังที่กล่าวอ้างหรือไม่ มีผลบวกปลอมและผลลบปลอมในสัดส่วนที่เกินกว่าจะรับได้หรือไม่ โดยตั้งเป้าจะเริ่มปฏิบัติการทันทีที่ชุดตรวจได้กระจายลงสู่พื้นที่ และหากผลการตรวจสอบพบว่าชุดตรวจมีคุณภาพต่ำเกินกว่าที่จะรับได้ เรื่องนี้ต้องมีผู้รับผิดชอบ

กรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่คนไทยทุกคนควรช่วยกันตรวจสอบ เหมือนอย่างที่ชมรมแพทย์ชนบทชวนให้คิด ทำไมคนไทยจะได้รับชุดตรวจ ATK หรือวัคซีนที่มีประสิทธิภาพไม่ได้ ทำไมรถประจำตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต้องเป็นเบนซ์ เครื่องบินรบต้องเป็น F-16 แต่วัคซีนและชุดตรวจ ATK ต้องเป็นยี่ห้อที่มีข้อกังขา เช่นเดียวกับที่ จาตุรนต์ ฉายแสง แสดงความกังขาก่อนหน้า การตั้งสเป็คที่กำหนดคุณภาพต่ำสำหรับอุปกรณ์ทางการแพทย์เป็นปัญหาหนึ่ง การเน้นราคาต่ำแต่เพียงอย่างเดียวก็เป็นปัญหาไปด้วยกัน

กรณีนี้ยังมีปัญหาที่ใหญ่มากคือ การไม่ใช้ข้อมูลเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้าซึ่งจะเกิดจากการตกข่าวขาดข้อมูลหรือตั้งใจไม่ใช้ข้อมูลก็ไม่ทราบ หากผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมองเห็นปัญหาที่จะตามมาและเชื่อมั่นได้ว่าสินค้าที่ผ่านการประมูลนี้อาจจะซ้ำรอยเรื่องวัคซีน ความน่าเชื่อถือในการบริหารจัดการของรัฐบาลซึ่งเหลือน้อยเต็มทีอยู่แล้วก็จะหมดไป ในประเด็นวัคซีนที่อรชุนวิจารณ์ว่าฉีดไขว้ซิโนแวคเข็ม 1 กับแอสตร้าเซนเนกาเข็มสองไม่คุ้มค่านั้น หลายคนถามว่าไปเอาข้อมูลมาจากไหน

ตรงนี้ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกตัวเองเป็นตัวชี้วัดอย่างแน่นอน เพราะผ่านการแลกเปลี่ยนความคิดกับบุคลากรในแวดวงหลายรายให้ความเห็นมาเช่นนั้น และล่าสุด นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา  ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อมูลในเรื่องดังกล่าว โดยอธิบายว่า การใช้เข็มที่หนึ่งซิโนแวค และเข็มสองเป็นแอสตร้าฯนั้นจะเห็นได้ว่าถึงแม้ภูมิที่วัดจะดูสูงกว่าซิโนแวคหรือแอสตร้าสองเข็ม แต่ภูมิที่เห็นนั้นเป็นภูมิรวมไม่ใช่ภูมิที่ยับยั้งไวรัส

เมื่อดูภูมิเฉพาะเจาะจงที่ยับยั้งไวรัสเดลต้านั้นที่ดีที่สุดคือ ซิโนแวคสองเข็ม ตามด้วยเข็ม 3 เป็นแอสตร้าเซนเนกา ดังนั้น ข้อมูลนี้ยืนยันว่าประสิทธิภาพของการไขว้เข็ม 1 ซิโนแวค และเข็ม 2 แอสตร้าฯ นั้น เป็นคำถามเหมือนที่คนจำนวนไม่น้อยสงสัยนั่นก็คือ “ไม่ได้ทำให้มีกำไรขึ้น” และ ”ไม่ข้ามไปคุ้มกันเดลต้า” มิหนำซ้ำ จะเสียแอสตร้าฯ ไปเปล่าๆ หรือไม่
๑๑เมื่อมีข้อมูลทางวิชาการยืนยันขนาดนี้ นอกเหนือจากการเร่งฉีดวัคซีนเข็มแรกให้กับกลุ่มเสี่ยงทั้งหลาย และฉีดเข็มสามให้กับบุคลากรด่านหน้าแล้ว ถ้าอยากแก้ตัวเรื่องวิสัยทัศน์ ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจต้องตัดสินใจโดยด่วน คนที่ฉีดซิโนแวคสองเข็มไปก่อนหน้าซึ่งภูมิต้านทานต้องลดลงต่อเนื่องแน่นอน ถึงเวลาที่จะต้องฉีดบูสเตอร์แล้วหรือยัง

Back to top button