ASP ครึ่งปีหลังเด่นต่อ

ASP สามารถรักษากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดกำไรใน Q2/63 และ Q4/64 จะยังเติบโตได้ดีจากงวดเดียวกันของปีก่อน


คุณค่าบริษัท 

มีการวิเคราะห์กันว่า บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASP จะยังสามารถรักษากำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีหลังดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งคาดกำไรในไตรมาส 2/2563 และไตรมาส 4/2564 จะยังเติบโตได้ดีจากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยได้ต่อจากรายได้ค่าธรรมเนียมช่วยหนุน จากการอัพเดทกับทางบริษัท

โดยคาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 3 ปี 2564 จะยังเติบโตได้จากงวดเดียวกันของปีก่อนต่อเนื่องจากฐานต่ำในช่วงปีก่อน และแม้ว่ามูลค่าการซื้อขายจะลดลง แต่มีรายได้ค่าธรรมเนียมที่ยังเติบโตได้ดีช่วยหนุนอยู่ จากการออกกองทุนใหม่อีก 1-2 กองทุน

ขณะที่ ในไตรมาส 4 ปี 2564 จะมีดีล IPO อีก 2 ดีล และรับรู้รายได้จากการขายกองทุนใหม่ได้เต็มไตรมาส สำหรับปี 2565 คาดกำไรสุทธิจะอยู่ที่ 830 ล้านบาท ลดลง 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยคาดว่าสภาพคล่องในตลาดยังอยู่ระดับสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อธุรกิจหลักทรัพย์ โดยใช้สมมติฐานมูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันในปี 2565 อยู่ที่ 9.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่ธุรกิจกองทุนรวมมีโอกาสหดตัวลงเพราะปีนี้ทำได้ดีเกินคาด จากกองทุนรวมที่เป็นหุ้นเทคโนโลยีเป็นส่วนใหญ่

ส่วนผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 826.25 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 582.72 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิขยับขึ้นมาอยู่ที่ 231.34 ล้านบาท หรือ 0.11 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 153.96 ล้านบาท หรือ 0.07 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ เป็นเพราะมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ระดับ 9.4 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 36% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ทำให้รายได้ค่านายหน้าเพิ่มขึ้น 26% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้ค่าธรรมเนียมปรับตัวเพิ่มขึ้น 214% จากงวดเดียวกันของปีก่อน จากการออกกองทุนรวมที่ลงทุนในต่างประเทศกองใหม่อีก 3 กองทุนรวม และมีดีล IPO อีก 3 ตัว (ASW, PROEN, NSL) ช่วยหนุน

ผลดังกล่าวทำให้ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2564 บริษัทมีรายได้รวมขยับขึ้นมาอยู่ที่ 1,928.65 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อน 976.25 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิ 580.92 ล้านบาท หรือ 0.28 บาทต่อหุ้น จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 178.03 ล้านบาท หรือ 0.08 บาทต่อหุ้น สะท้อนว่าในส่วนของค่านายหน้าและค่าธรรมเนียมดีขึ้น

นอกจากนี้ บล.เคทีบีเอสที มีการปรับประมาณการกำไรสุทธิในปี 2564-2565 เพิ่มขึ้น 11% และ 6% จากการปรับการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียมเป็นเพิ่มขึ้น 64% จากเดิมที่เพิ่มขึ้น 34% เนื่องจากรายได้จากธุรกิจกองทุนและดีล IB ในไตรมาส 2/2564 ทำได้ดีเกินคาด แต่มีการปรับมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวันปี 2564-2565 ลดลงเป็น 8.6 หมื่นล้านบาท จากเดิมที่ 9.2 หมื่นล้านบาท หรือลดลง 6% (มูลค่าซื้อขายเฉลี่ยต่อวันครึ่งแรกปี 2564 เท่ากับ 9.4 หมื่นล้าน

บาท และวันที่ 1 ก.ค.-11 ส.ค. 2564 เท่ากับ 7.8 หมื่นล้านบาท เทียบกับปี 2563 ที่ 6.1 หมื่นล้านบาท) ทำให้คาดกำไรสุทธิในปี 2564 อยู่ที่ 889 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114% จากงวดเดียวกันของปีก่อน

ดังนั้น ปรับราคาเป้าหมายปี 2564 ขึ้นเป็น 5.50 บาท แนะนำ “ซื้อ”

ผู้ถือหุ้นรายใหญ่

  1. บริษัท เอเซียเสริมกิจ จำกัด 190,936,190 หุ้น 9.07%
  2. ธนาคาร กรุงเทพ จำกัด (มหาชน) 178,099,980 หุ้น 8.46%
  3. นายชาตรี โสภณพนิช 96,497,310 หุ้น 4.58%
  4. บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 85,780,200 หุ้น 4.07%
  5. บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด 80,078,705 หุ้น 3.80%

รายชื่อกรรมการ

  1. นายชาลี โสภณพนิช ประธานกรรมการ
  2. นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร, กรรมการ
  3. นางณินทิรา โสภณพนิช กรรมการ
  4. นายพัชร สุระจรัส กรรมการ
  5. นายพิทเยนท์ อัศวนิก กรรมการ

Back to top button