MAKRO กลยุทธ์ขุนก่อนขาย.?

MAKRO ตัดสินใจรวบกิจการโลตัส ภายใต้ CPRH ทั้งหมด โดยยอมเพิ่มทุนไปแลกแอสเซทห้างโลตัส ทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย...


ตื่นตูมกันไม่น้อยทั้งในแวดวงตลาดหุ้นและวงการค้าปลีก หลังจากบริษัท สยามแม็คโคร จำกัด (มหาชน) หรือ MAKRO ตัดสินใจรวบกิจการโลตัส ภายใต้บริษัท ซี.พี.รีเทลโฮลดิ้ง จำกัด (CPRH) ทั้งหมด โดยยอมเพิ่มทุนไปแลกแอสเซทห้างโลตัส ทั้งในประเทศไทยและมาเลเซีย…

มูลค่าธุรกรรมดังกล่าวประมาณ 2.18 แสนล้านบาท ..!!

ขั้นตอนเริ่มจาก MAKRO จะรับโอนกิจการโลตัสทั้งหมด ซึ่งแลกมาด้วยการออกหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 5,010 ล้านหุ้น ที่ราคา 43.50 บาทต่อหุ้น ให้กับผู้ถือหุ้น CPRH 3 ราย ได้แก่ 1.บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL 2.บริษัท เจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้ง จำกัด (CPH) และ 3.บริษัท ซี.พี.เมอร์แชนไดซิ่ง จำกัด (CPM)

หลังจากเพิ่มทุนแล้วเสร็จก็จะทำให้สัดส่วนการถือหุ้น MAKRO เปลี่ยนไปเป็น CPALL เหลือถือ 65.97% (จากเดิมถือ 93.08%) CPH ถือ 20.43% และ CPM ถือ 10.21%

แต่ไฮไลต์อยู่ที่ผู้ถือหุ้นหน้าใหม่ 2 ราย คือ CPH และ CPM ที่ต้องทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์ เนื่องจากมีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งทางตรงและทางอ้อมเกิน 25% ก็เป็นไปตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย CPALL ขอสงวนสิทธิ์ไม่ขายหุ้น

แต่เงื่อนไขนี้น่าคิด จะเป็นปรากฏการณ์ขุนก่อนขายหรือเปล่า..? เพราะในเงื่อนไขดังกล่าว มีประโยคหนึ่งซ่อนอยู่ นั่นคือ ทั้ง 3 รายจะมีการขายหุ้น MAKRO ออกมาในรูป Public Offering (PO) ให้กับนักลงทุนรายย่อย เพื่อแก้ปัญหาฟรีโฟลตไม่ให้ต่ำกว่า 15% ตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ

เลยเป็นที่มาของการจัดสตรักเจอร์ใหม่…

โอเค…เรื่องการแก้ปัญหาฟรีโฟลตก็ว่ากันไป แต่อีกจุดที่น่าสนใจ…ด้วยสภาพ MAKRO ตอนนี้ กับหลังจากได้โลตัสเข้ามา จะต่างกันราวฟ้ากับเหวเลยนะ…

อย่าลืมว่า MAKRO ตอนนี้มีแอสเซทแค่ห้างฯ เท่านั้น แต่พอได้โลตัสเข้ามา ซึ่งมีทั้งห้างโลตัสในไทยและมาเลเซีย ก็จะทำให้ MAKRO ใหญ่บิ๊กบึ้มขึ้นทันที…

เรียกว่าจากเดิม MAKRO แข็งแรงอยู่แล้ว พอได้โลตัสเข้ามา ทำให้มีกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้นอีก…

สิ่งที่ต้องจับตา อันดับแรก เรื่องของรายได้ที่จะเพิ่มขึ้นเท่าตัว โดยปี 2563 MAKRO มีรายได้รวม 2.18 แสนล้านบาท ส่วนโลตัสมีรายได้รวม 2.08 แสนล้านบาท นั่นหมายความว่า หลังจากจบดีลจะทำให้ MAKRO มีรายได้รวมทะลุ 4 แสนล้านบาทเลยทีเดียว

ขณะที่ปัจจุบัน MAKRO มีมาร์เก็ตแคปราว 2 แสนล้านบาท หลังจากนี้มาร์เก็ตแคปอาจเพิ่มเป็น 4-5 แสนล้านบาท และทำให้มีโอกาส Fasttrack เข้า SET50 รอบหน้า ก็เป็นได้…

…..

เมื่อโฉมหน้าของ MAKRO เปลี๊ยนไป๋…มีแอสเซทมากขึ้น มาร์เก็ตแคปใหญ่ขึ้น ก็จะทำให้ MAKRO มีมูลค่าเพิ่มขึ้น..!!

ดังนั้น ต้องย้อนกลับไปดูเงื่อนไขทั้ง 3 รายที่จะขายหุ้น MAKRO ออกมา (อ้างเพื่อเพิ่มฟรีโฟลต) ก็จะได้มูลค่าเพิ่มขึ้นแน่ ๆ…แน่นอนราคาขายต้องมากกว่า 43.50 บาท…

ถือเป็นกลยุทธ์ขุนก่อน แล้วค่อยขายนั่นเอง..!?

ที่จริง CPALL ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็อยากขาย MAKRO อยู่แล้ว แต่ถ้าขายก่อนหน้านี้ต้องขายต่ำกว่าต้นทุนที่ซื้อมา เนื่องจากช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งไม่ค่อยสู้ดีนัก ประกอบกับสถานการณ์โควิดยิ่งซ้ำเติม ดังนั้น ถ้าจะขายก็ไม่ได้ราคาที่ต้องการ แม้ยอดขายของ MAKRO ยังดีอยู่ แต่จะถูกกดราคาจากคนซื้อ…

ส่วนเหตุผลที่ต้องการขาย MAKRO นั้น เป็นเพราะ 1) ต้องการแก้ปัญหาทางการเงิน เพราะก่อนหน้านี้ไปกู้มาเยอะ เพื่อมาซื้อ MAKRO

ตอนนี้จำเป็นต้องหาเงินไปชำระหนี้ ขณะที่การ Synergy ธุรกิจของทั้งสองบริษัท ก็ยังไม่มีความชัดเจนมากนัก และ 2) เพื่อแก้ปัญหาฟรีโฟลต

นับเป็นความชาญฉลาดของกลุ่มซีพี ที่ทำให้ MAKRO ใหญ่ขึ้น มีมูลค่ามากขึ้นทันตา..!!

งานนี้เท่ากับว่า CPALL ก็ขายได้ราคามากกว่าที่ซื้อในอดีต ส่วน CPH และ CPM แน่นอนมีต้นทุนที่ 43.50 บาท หากเจียดขายออกมา ก็ต้องได้กำไรแน่ ๆ…

แหม๊…ต้องยกให้เป็นดีลขั้นเทพแล้วล่ะ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button