ที่เห็น..อาจไม่ใช่

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงคลุกฝุ่น มักมีเรื่องลับลวงพลางเกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง


*สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยในช่วงคลุกฝุ่น มักมีเรื่องลับลวงพลางเกิดขึ้นเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ สังคม การเมือง ล้วนมีเบื้องหลังที่ไม่อาจยังถึงทุกครั้ง “โมนิก้า” จึงไม่ค่อยโอนเอนไปตามกระแสข่าวรายวันสักเท่าไหร่ เพราะท้ายที่สุดจะตกเป็นเหยื่อสงครามข่าวแบบไม่รู้ตัว รวมทั้งเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นในตลาดหุ้น มักมีเรื่อง “ลับ ๆ ล่อ ๆ” ให้เห็นเป็นระยะ จึงควรเข้าใจเกมหุ้นให้มากขึ้นเจ้าค่ะ

*ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ไม่วอรี่กับการทรุดตัวลงต่ำกว่า 1,650 จุด เพราะเป็นเรื่องที่เคยเม้าท์ให้ฟังบ่อยมาก แถมสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้าก็มีแต่ปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อการขึ้นของดัชนี จึงเป็นที่มาของการถามว่า ดัชนีทรุดลงไปทำโลว์ที่ระดับ 1,641.86 จุด ต่อจากนั้นตีตื้นขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,652.73 จุด ลบไป 4.23 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 8.14 หมื่นล้านบาท ใช่จังหวะเข้าไปช้อนหุ้นไว้ในพอร์ตบางส่วนหรือเปล่า? คุณ ๆ ท่าน ๆ ต้องเป็นคนหาคำตอบด้วยตัวเองนะจ๊ะ

*เช่นเดียวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับหนูซ่า NUSA ก็เป็นเรื่องที่รายย่อยต้องโหวตในที่ประชุมกันเอาเองว่า สวอปหุ้น วินด์ฯ ส่งผลดีกับบริษัทขนาดไหน? และการได้เงินปันผลจากวินด์ฯ ทุกปีต่อจากนี้ จะช่วยสร้างความมั่นคงให้กับเจ้าหนูซ่าขนาดไหน? ซึ่งเป็นเรื่องมุมบวกที่ทำให้หลายคนกระชุ่มกระชวยขึ้นเป็นกอง และเริ่มวาดฝันถึงอนาคตอันสวยหรูจะปรากฏเด่นชัดในช่วงครึ่งปีหลังไงล่ะคะ

*ขณะเดียวกันก็มีเรื่องราวในมุมลบที่นักเล่นต้องกลับไปคิดเหมือนกันว่า พันธสัญญาที่วินด์ฯ ต้องชดใช้หนี้ที่มีมูลค่าสูงเป็นหมื่นล้านแทนผู้บริหารขี้จุ๊! และบริษัทกำลังอยู่ในกระบวนการฟ้องร้อง เพื่อโต้แย้งการเขียนสัญญาที่ไม่เป็นธรรม ก็เป็นเรื่องของผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียต้องคิดกันอีกที รวมทั้งการหาทางลงให้กับรายย่อยที่ติดหุ้นวินด์ฯ เป็นเวลาหลายปีด้วยการเข้าตลาดหุ้นทางอ้อมแบบนี้ ..ทุกคนโอเคไหม?

*ส่วนที่ไม่โอเคเลยจริง ๆ คงมองไปยังหุ้น BROOK เพราะเล่นกันแบบโอเว่อร์แอคติ้ง จนกลายเป็นหุ้นที่เจ้ามืออยากลากเมื่อใดก็ทำได้ หรืออยากทุบก็ทำได้แบบโหดสลัด จึงกลายเป็นอุทาหรณ์สำหรับพวกอ่อนพรรษาในทันที และการที่หุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 1.07 บาท ลบไป 0.09 บาท หรือลงไป 7.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 442 ล้านบาท พร้อมกับอ่อนตัวลงมาเรื่อย ๆ เลยไม่ใช่เรื่องน่าสงสารสำหรับคนที่เข้าไปเล่นกับไฟนะจะบอกให้

*คล้ายกับกรณีของหุ้นปั๊มแก๊สอย่าง TAKUNI ก็ดันราคาหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตูตั้งแต่เช้าตรู่ จนแมงเม่ากระโดดขึ้นขบวนรถไฟเหาะกันเป็นแถว แต่หลังจากนั้นไม่กี่นาทีก็ตีลังกาจนหัวคะมำ ก่อนจะปิดไปที่ระดับ 1.62 บาท ลบไป 0.05 บาท หรือลงไป 3% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 607 ล้านบาท กลายเป็นช็อตของการย้ำหัวหมุดให้รู้ว่า ถ้าคิดจะเล่นกับของร้อน ต้องอาศัยความไวมากเป็นพิเศษ เพราะเจ้าก๊วนนี้จะรีบไปขรี้มั้ง!

*ในเมื่อมาแนวโหดลากไส้กันทั้งที ก็ควรเม้าท์ถึงหุ้นเหล็กอย่าง GJS ด้วยอีกหนึ่งราย เพราะการที่หุ้นทิ้งดิ่งลงมาปิดที่0.57 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 12.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 880 ล้านบาท เหมือนเป็นลางบอกเหตุให้รู้ว่า จบเกมแล้วครับนาย! ซึ่งคล้ายกับเหตุการณ์เมื่อกลางปีก่อนที่หุ้นขึ้นมาแตะแถว 0.60 บาท ต่อจากนั้นก็รูดมหาราชลงไปกองแถว 0.30 บาทนานหลายเดือน..มีใครจำได้บ้างไหมเอ่ย?

*ไหน ๆ ก็เข้าสู่โหมดเฝ้าระวังกันทั้งที “โมนิก้า” คงต้องชายตามองหุ้น CI สักเล็กน้อย เพราะการที่หุ้นขึ้นมายืนปิดในระดับ 1.51 บาท บวกไป 0.17 บาท หรือขึ้นไป 12.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 396 ล้านบาท ทั้งที่ 3 ครั้งก่อน ก็ดันกันสุดซอยแบบนี้ ต่อจากนั้นก็ปล่อยให้ร่วงเป็นใบไม้ ท่ามกลางข่าวเม้าท์เกี่ยวกับเทิร์นอะราวด์ให้ได้ยินเป็นระลอกแบบนี้ มันคือการเปิดช่องให้ขาลุยเข้ามาเล่นกันสนุกมือเจ้าค่ะ

*เม้าท์ถึงเรื่องมัน ๆ ขึ้นมาทั้งที ย่อมมีชื่อของหุ้นอิอิ EE เข้ามาเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน เพราะการที่หุ้นวิ่งขึ้นมาปิดที่ 2.18 บาท บวกไป 0.12 บาท หรือขึ้นไป 5.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 278 ล้านบาท ทั้งที่มีการลากหุ้นแบบจัดหนักมาแล้วหนึ่งยก ต่อจากนั้นมีการเขย่าหุ้นเพื่อทดสอบกำลังใจ จึงเหมือนเป็นการส่งสัญญาณให้รู้ว่า เดี๋ยวจะมีการซัดหุ้นขึ้นไปอีกรอบกระมัง!..ลองไปตามดูกันเอาเองนะจ๊ะ

Back to top button