SAWAD รุกสินเชื่อมอ’ไซค์

ดู ๆ ไปต่อจากนี้ SAWAD คงเดินเกมไปสู่สินเชื่อ Hire Purchase แหง ๆ... เพราะไม่ถูกจำกัดเพดานดอกเบี้ยมากนัก ทำให้มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง


ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา แม้บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ของ “กลุ่มแก้วบุตตา” ยังสามารถเติบโตได้ท่ามกลางสงครามโควิด แต่ผลงานก็ไม่น่าตื่นตาตื่นใจอย่างที่คาดหวังไว้…จนทำให้นักลงทุนเริ่มปันใจออกห่างจากหุ้น SAWAD ส่งผลให้ราคาสาละวันเตี้ยลงเรื่อย ๆ  จากเคยขึ้นไปแตะที่ 90 กว่าบาท ปัจจุบันเหลือแค่ 50 กว่าบาทเท่านั้น…

แต่ในระหว่างนี้ SAWAD ก็พยายามปรับโครงสร้างธุรกิจ ทั้งขยายสินเชื่อใหม่ และต่อเติมสินเชื่อเดิม เช่น กรณีเปิดทางให้แบงก์ออมสินเข้ามาถือหุ้นในบริษัท เงินสดทันใจ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ SAWAD สัดส่วน 49% เพื่อลุยปล่อยสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ…

ซึ่งแม้จะทำให้ SAWAD สูญเสียความเป็นเจ้าของไป จากเดิมเคยกินรวบ…เปลี่ยนมาเป็นกินแบ่งแทน แต่ก็แลกมาด้วยการมีฐานทุนใหญ่ขึ้น โดยได้แบงก์ออมสินมาเป็นแบ็คอัพในการปล่อยกู้ ทำให้มีต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งเมื่อกดเครื่องคิดเลขดูแล้ว ก็น่าจะคุ้มยิ่งกว่าคุ้มอยู่แหละ…

รวมทั้งการรุกสู่ธุรกิจใหม่ อย่างการปล่อยกู้เครื่องใช้ไฟฟ้า ภายใต้ชื่อ “ศรีสวัสดิ์ เดอะพาวเวอร์” โดยตั้งเป้า 5 ปี พอร์ตแตะ 10,000 ล้านบาท

โอเค…แม้สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ซึ่งเป็นสินเชื่อที่มีหลักประกันยังเป็นพอร์ตใหญ่ของ SAWAD แต่ก็เริ่มเห็นการหันมาเน้นสินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ สินเชื่อส่วนบุคคล และสินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งอยู่ภายใต้บริษัทลูกอย่างบริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด หรือ SCAP

ดู ๆ ไปต่อจากนี้ SAWAD คงเดินเกมไปสู่สินเชื่อ Hire Purchase แหง ๆ… เพราะไม่ถูกจำกัดเพดานดอกเบี้ยมากนัก ทำให้มีมาร์จิ้นค่อนข้างสูง อย่างสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ สามารถคิดดอกเบี้ยในอัตราคงที่ (Flat Rate) ได้ถึง 24-36% ต่อปี  และถ้าเป็นดอกเบี้ยแบบลดต้นลดดอก (Effective Rate) จะสูงถึง 40–50% ต่อปี ขึ้นอยู่กับความเสี่ยงของลูกค้า…(แม้ก่อนหน้านี้ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) มีไอเดียจะคุมเพดานดอกเบี้ยเช่าซื้อไม่เกิน 15% ต่อปี เพื่อหวังลดภาระผู้ที่มีรายได้น้อย…แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนของการทำเฮียริ่งอยู่นะ)

ส่วนสินเชื่อส่วนบุคคลเพดานอยู่ที่ 25% ต่อปี ขณะที่สินเชื่อเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถคิดดอกเบี้ยได้สูงถึง 50% ต่อปีเลยทีเดียว

ภาพยิ่งชัดมากขึ้นจากกรณีล่าสุดที่ SAWAD ทุ่มงบ 39.77 ล้านบาท ส่งบริษัทลูก บริษัท ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล จำกัด ไปซื้อบริษัท คาเธ่ย์ ลีสซิ่ง จำกัด โดยเป็นการซื้อหุ้นจาก “ปรัชญา เสริมสุขสกุลชัย” สัดส่วน 75% มูลค่า 29.83 ล้านบาท และซื้อจาก บริษัท คาเธ่ย์ โฮลดิ้ง จำกัด สัดส่วน 25% มูลค่า 9.94 ล้านบาท เพื่อขยายพอร์ตเช่าซื้อรถจักรยานยนต์…ซึ่งถ้าดีลนี้สำเร็จ ก็จะทำให้ ศรีสวัสดิ์ แคปปิตอล เข้าถือหุ้นใน คาเธ่ย์ ลีสซิ่ง 100% ทันที…

ก็ถือเป็นการปรับพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อของ SAWAD ให้แข็งแกร่งขึ้น เพื่อปลุกปั้น SCAP ซึ่งเป็นเรือธงเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ช่วงปลายปีนี้

ขณะที่พอร์ตของ คาเธ่ย์ ลีสซิ่ง แม้ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เพราะเป็นบริษัทที่เพิ่งตั้งช่วงปลายปีก่อน แต่ถ้าดูจากการเป็นบริษัทในกลุ่มคาเธ่ย์ ไฟแนนซ์ โฮลดิ้ง กลุ่มสถาบันการเงินขนาดใหญ่ที่สุด และมีความน่าเชื่อถือของไต้หวัน สิ่งที่ SCAP จะได้ น่าจะเป็นโนว์ฮาวในการทำธุรกิจเช่าซื้อรวมถึงไลเซนส์มากกว่า

นั่นหมายความว่า ถ้า SCAP เติบโตดี สุดท้ายก็จะส่งผลดีต่อ SAWAD นั่นเอง…

แต่ถ้าถามว่าจะทำให้ SAWAD กลับมาเติบโตซาบซ่าได้หรือเปล่านั้น..? คงต้องติดตามตอนต่อไป

…อิ อิ อิ…

Back to top button