SABUY ทำไมราคาหุ้นร่วงหนัก

ราคาหุ้น SABUY ปรับลงต่อเนื่อง ล่าสุดวานนี้ (22 มิ.ย.) ราคาหลุดระดับ 20.00 บาท แนวรับทางด้านจิตวิทยาไปเรียบร้อย


ราคาหุ้น บมจ.สบาย เทคโนโลยี (SABUY) ปรับลงต่อเนื่อง

ล่าสุดวานนี้ (22 มิ.ย.) ราคาหลุดระดับ 20.00 บาท แนวรับทางด้านจิตวิทยาไปเรียบร้อย

มีคำถามว่า ราคาหุ้นสบายฯ จะปรับลงได้อีกหรือไม่

คำตอบคือ “ได้”

แนวรับถัดไป (แบบลึก ๆ) จะอยู่บริเวณ 15.00-16.00 บาท

ย้อนกลับมาคำถามที่ว่า แล้วเกิดอะไรขึ้นกับหุ้นตัวนี้

ทั้งที่ก่อนหน้านี้ราคาหุ้นปรับขึ้นอย่างร้อนแรง ท่ามกลางปัจจัยบวก ดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรกันจำนวนมาก

หากย้อนกลับไปช่วงปลายปี 2564

ราคาหุ้นสบายเทรดกันอยู่ที่ประมาณ 10 บาท (+/-)

ก่อนที่จะค่อย ๆ ปรับขึ้นนับตั้งแต่ช่วงต้นเดือน พ.ย. 64 และราคาขึ้นมาจุดสูงสุด 38.00 บาท เมื่อช่วงกลางเดือน ม.ค. 65

หรือใช้เวลาเพียง 2 เดือนครึ่งราคาหุ้นวิ่งขึ้นมา 260%

หลังจากนั้น ราคาหุ้นเริ่มย่อตัวลงมา

และลงมาเหมือนกับพยายามสร้างฐานที่ 25.00-26.00 บาท

ก่อนที่จะเห็นการปรับตัวลงอย่างชัดเจน นับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ค. 65 มาจนถึงขณะนี้ที่กราฟไหลลงตลอด

ช่วงที่หุ้นสบายฯ วิ่งขึ้นมา

เกิดจากข่าวที่เป็นแผนงานของสบายฯ ว่าจะเข้าไปลงทุนธุรกิจอะไรบ้าง และแนวโน้มการเติบโต

อาจจะมีคำถามต่อว่า แล้วการคาดการณ์การเติบโตของผลประกอบการหุ้นสบายฯ ยังคงเดิมอยู่หรือไม่

จากข้อมูลที่ได้รับล่าสุด ทิศทางการเติบโตไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนปลง

แต่ราคาหุ้นที่ปรับลง น่าจะมาจากนักลงทุนรายใหญ่ที่มีหุ้นสบายอยู่ในพอร์ตอาจจะมีการ “ปรับพอร์ต” ด้วยการขายทำกำไรออกมาในช่วงที่ภาวะตลาดหุ้นเกิดการปรับฐาน ดัชนีซึมลงต่อเนื่อง

ภาวการณ์แบบนี้แหละทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่ที่มีต้นทุนค่อนข้างต่ำอยู่ในหลาย ๆ หุ้น

พวกเขามักจะขายหุ้น เพื่อทำกำไรออกมาก่อน

โดยเฉพาะหุ้นที่มีระดับ P/E ค่อนข้างสูง

นัยสำคัญเพื่อลดความเสี่ยง

เช่น P/E หุ้นสบายฯ มีระดับอยู่กว่า 100 เท่า (Forward P/E 40 เท่า )

นักลงทุนที่ถือหุ้นอยู่อาจจะมองว่าในภาวะการณ์แบบนี้ อาจจะสูงเกินไป ประกอบกับด้วยภาวะแวดล้อมต่าง ๆ อาจจะเป็นอุปสรรคต่อโอกาสและการเติบโตของหุ้นหรือเปล่า

ว่ากันว่า กลุ่มนักลงทุนที่ขายหุ้นสบายฯ ในช่วงที่ผ่านมาและขณะนี้

มีต้นทุนอยู่ประมาณ 10 บาท (+/-)

การขายหุ้นจะไม่ได้ขายทีเดียวหมดพอร์ต

ทว่า จะเป็นการทยอยขายออกมาเรื่อย ๆ เพื่อไม่ให้ราคาหุ้นลงมาเร็วเกินไป

อาจจะมีคำถามอีกว่า แล้วจะขายแบบเสร็จสะเด็ดน้ำเมื่อไหร่ล่ะ

คำถามนี้ยากที่จะตอบเช่นกัน

แต่หากดูจากวอลุ่มเทรด ดูปริมาณหุ้นแล้ว

น่าจะยังพอมีปริมาณหรือจำนวนหุ้นที่รายใหญ่ถืออยู่อีกพอสมควร หรืออาจจะต้องรอราคาลงมาใกล้ ๆ กับต้นทุนของเขานั่นแหละ (บริเวณ 10 บาท +/-)

มีประเด็นน่าสนใจ

เพราะหุ้นที่เป็น High growth เช่น สบายฯ

เมื่อหมดปัจจัยลบจากการถูกขายแล้ว ขณะที่ทิศทางธุรกิจยังดี บวกกับผลประกอบการไตรมาส 2/65 หากออกมา ตัวเลขกำไรกระโดด และเป็นไปตามที่นักวิเคราะห์และผู้บริหารคาดกันไว้

ราคาหุ้นจะปรับขึ้นในรูปของ V-Shape

หรือหุ้นปรับลงมาเท่าไหร่ ก็อาจจะเด้งกลับขึ้นไปเท่ากับที่เคยลงมา

ส่วนประเด็นที่มีความกังวลเรื่องสบายฯ ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล

เห็นว่า สินทรัพย์ดิจิทัลที่สบายฯ ลงทุน เป็นเพียง Utility token ที่ใช้ในกลุ่มธุรกิจพันธมิตรเท่านั้น

และไม่ได้เข้าไปลงทุนในเหรียญ เช่น Bitcoin

Back to top button